ได้เวลาของการหยิบเอาเรื่องราวข้อมูลดีๆ จากภาพยนตร์เรื่องเล็กๆ แต่เป็นโปรเจกต์ใหญ่ ๆ เพราะกว่าจะถ่ายทำเสร็จ ต้องใช้เวลาถึง 12 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2002-2013 แถมยังเป็นภาพยนตร์ได้รับเสียงตอบรับดีจากนักวิจารณ์ ในเมืองไทยก็มีการจัดฉายไปบ้างแล้วในงานครบรอบ 10 ปีของโรงหนัง House RCA ส่วนรอบฉายต้องรอถึง 4 กันยายนนี้ครับ
‘Boyhood’ ผลงานล่าสุดของผู้กำกับหนังไตรภาคชุด ‘Before Sunrise’, ‘Before Sunset’ , ‘Before Midnight’ ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ เรื่องนี้นำเสนอแบบบันทึกช่วงเวลา 12 ปีในชีวิตครอบครัวหนึ่ง
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในช่วงระยะเวลาสั้นระหว่างปี 2002 – 2013 เป็นประสบการณ์ภาพยนตร์แปลกใหม่ ที่บันทึกช่วงเวลา 12 ปีในชีวิตครอบครัวหนึ่ง ตัวเอกของเรื่องคือเมสัน ผู้ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางอารมณ์ผ่านช่วงเวลาหลายปีจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่
ตัวเอกของเรื่องคือเมสัน (เล่นตั้งแต่ 6 ขวบ จนโตเป็นหนุ่ม) แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางอารมณ์ผ่านช่วงเวลาหลายปี จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ เรื่องนี้ส่งลูกสาวมารับบทนำด้วยแล้วก็ได้หนุ่มใหญ่ อีธาน ฮอว์ค นักแสดงคู่บุญ และดาราสาวมากความสามารถอย่าง แพทริเซีย อาร์เควทท์ มารับบทเป็นพ่อแม่
“เวลาคือธารน้ำที่พัดพาผมไปด้วย แต่ผมคือธารน้ำ”
– จอร์จ หลุยส์ บอร์เจส
Boyhood | เกี่ยวกับภาพยนตร์
‘Boyhood’ โดยริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ เป็นดราม่าสมมติ ที่ใช้นักแสดงกลุ่มเดิมตลอดช่วงระยะเวลา 12 ปี ได้นำผู้ชมร่วมการเดินทางที่ไม่มีใครเหมือน ที่ทั้งยิ่งใหญ่แต่ก็ลึกซึ้ง ผ่านความมีชีวิตชีวาของวัยเด็ก การเปลี่ยนแปลงของครอบครัวสมัยใหม่และการไหลเวียนของกาลเวลา
ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตาม เมสัน (Ellar Coltrane/เอลลาร์ โคลเทรน) เด็กชายวัย 6 ขวบ ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่มีความพลิกผันอย่างรวดเร็วที่สุดในช่วงชีวิตของเรา ผ่านทางวังวนที่เราคุ้นเคยกันดีของการย้ายบ้านของครอบครัว เรื่องทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว ชีวิตคู่ที่พังพินาศ การแต่งงานใหม่ โรงเรียนใหม่ รักแรก อกหัก ช่วงเวลาดีๆ ช่วงเวลาน่ากลัวและเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างหัวใจสลายและความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คาดเดาไม่ได้ ในตอนที่ช่วงเวลาหนึ่งร้อยเรียงต่อเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง ผสมผสานกลมกลืนกลายเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเหตุการณ์ที่ขัดเกลาเราในตอนที่เราโตขึ้น และธรรมชาติชีวิตเราที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ในตอนที่เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมสัน เด็กชายช่างฝัน ที่เผชิญหน้ากับความวุ่นวาย โอลิเวีย (แพทริเซีย อาร์เควทท์) แม่ผู้เลี้ยงเขามาคนเดียวอย่างเหนื่อยยาก ตัดสินใจพาเขาและซาแมนธา (ลอเรไล ลิงค์เลเตอร์) พี่สาวของเขาย้ายไปฮูสตัน ในตอนที่เมสัน ซีเนียร์ (อีธาน ฮอว์ค) พ่อผู้ห่างหายไปนานของพวกเขากลับจากอลาสก้ามาสู่ชีวิตของพวกเขาอีกครั้ง นั่นเองคือจุดเริ่มต้นกระแสการดำเนินของชีวิตที่ไม่หยุดยั้ง อย่างไรก็ดี ท่ามกลางคลื่นถาโถมของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เด็กผู้หญิง ครู หัวโจก อันตราย ความปรารถนา แรงสร้างสรรค์ เมสันก็เริ่มจะเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง
‘บอยฮู้ด’ ผลงานสร้างโดยเดอทัวร์ ฟิล์ม เขียนบทและกำกับโดยริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ (‘Before Midnight, Bernie) และนำแสดงโดยแพทริเซีย อาร์เควทท์, อีธาน ฮอว์ค, เอลลาร์ โคลเทรน และลอเรไล ลิงค์เลเตอร์ โดยมีริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์, แคธลีน ซุทเธอร์แลนด์, โจนาธาน เซห์ริงและจอห์น สลอส อำนวยการสร้าง ผู้กำกับภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ลี แดเนียล และเชน เคลลี ผู้ออกแบบงานสร้างคือ ร็อดนีย์ เบ็คเกอร์ และลำดับภาพโดย แซนดรา อาแดร์
Boyhood | ทีมนักแสดง
อีธาน ฮอว์ค (Ethan Hawke)
“จงรวบรวมสิ่งที่มีคุณค่าต่อคุณในตอนที่คุณทำได้” เป็นประโยคที่อีธาน ฮอว์ค ในวัยหนุ่มเชื่อสนิทใจระหว่างถ่ายทำ “Dead Poets Society” ดรามารางวัลอคาเดมี อวอร์ด ซึ่งแจ้งเกิดให้กับเขา เมื่อยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ผ่านการได้รับการเสนอชื่อชิงหลายรางวัลโทนี และออสการ์ เขาได้รับการยกย่องในฐานะนักแสดงมากความสามารถ ที่ท้าทายตัวเองในฐานะนักเขียนนิยาย มือเขียนบทและผู้กำกับ และโด่งดังไปทั่วโลกจากบทบาทที่ท้าทายและรุ่มรวยของเขา
ฮอว์คได้ร่วมมือกับผู้กำกับริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น ‘Fast Food Nation’ , ‘Waking Life’, ‘The Newton Boys’ และ ‘Tape’ ภาพยนตร์เรื่อง ‘Boyhood’ เป็นผลงานการร่วมมือเรื่องล่าสุดของพวกเขา จะเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์และจะเข้าประกวดในงานเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลินปี 2014 ในผลงานการร่วมมือระหว่างเขากับลิงค์เลเตอร์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ฮอว์คได้แสดงประกบจูลี เดลพาย ในภาพยนตร์ดังเรื่อง ‘Before Sunrise’ และซีเควลเรื่อง ‘Before Sunset’ และ ‘Before Midnight’ ทั้งสามคนได้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง ‘Before Sunset’ และในปี 2004 พวกเขาก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสมาพันธ์มือเขียนบทสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
หลังจากที่เปิดตัวภายใต้เสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลามในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ในปี 2013 “Before Midnight” ก็ถูกจัดจำหน่ายโดยโซนี พิคเจอร์ส คลาสสิก นอกเหนือจากการนำแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฮอว์คยังได้ร่วมมือกับลิงค์เลเตอร์และเดลพายอีกครั้งในการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ปีเตอร์ ทราเวอร์สจาก “โรลลิง สโตน” กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ไม่ว่าเรื่องรักยุคใหม่จะเป็นอย่างไร ‘Before Midnight’ ก็ได้พามันไปอีกระดับ มันเกือบจะเพอร์เฟ็กต์เลยล่ะ” ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม รางวัลบีเอฟซีเอ คริติกส์ ชอยส์ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม รางวัลสมาพันธ์มือเขียนบทสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลไอเอฟพี สปิริต อวอร์ดสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม พวกเขาได้รับรางวัลหลุยอี้ เทรซ จีเนียส อวอร์ดสาขาความสำเร็จในภาพยนตร์จากแฟรนไชส์ “Before” จากเวทีบีเอฟซีเอ คริติกส์ ชอยส์ อวอร์ด
นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ เขายังได้แสดงภาพยนตร์โดยเจมส์ เดอโมนาโกเรื่อง ‘The Purge’ ประกบลีนา เฮดลีย์อีกด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่สร้างด้วยทุนสร้างเพียง 3 ล้านเหรียญ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงสุดสัปดาห์ของอีธาน ด้วยรายได้ 34.5 ล้านเหรียญ
หลังจากที่เขาได้ร่วมดื่มด่ำกับวัฒนธรรมป็อปคัลเจอร์ร่วมสมัยในคอเมดีปี 1994 เรื่อง ‘Reality Bites’ โดยเบน สติลเลอร์ ฮอว์คก็ได้แสดงในภาพยนตร์กว่า 40 เรื่อง ซึ่งรวมถึง ‘Explorers’, ‘Dad’, ‘White Fang’, ‘Waterland‘, ‘Alive‘, ‘Rich In Love’, ‘Gattaca’, ‘Great Expectations’, ‘Hamlet’, ‘Assault on Precinct 13’, ‘Taking Lives’, ‘Before The Devil Knows You’re Dead’, ‘What Doesn’t Kill You’, ‘Brooklyn’s Finest’, ‘Woman in the Fifth’ และ ‘Sinister’ ในปี 2002 ฮอว์คได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดและแซ็ก อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์โดยอังตวน ฟูกัวเรื่อง ‘Training Day’ ประกบเดนเซล วอชิงตัน
‘The Purge’ เป็นผลงานเรื่องที่สามที่เขาได้ร่วมมือกับมือเขียนบท/ผู้กำกับเจมส์ เดอโมนาโก หลังจากที่เขาได้นำแสดงในภาพยนตร์การกำกับเรื่องแรกของเดอโมนาโกเรื่อง ‘Staten Island, New York‘ และ ‘Assault on Precinct 13’ ซึ่งเดอโมนาโกเป็นผู้เขียนบท
เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้ร่วมมือกับมือเขียนบท/ผู้กำกับไมเคิล อัลเมเรย์ดาในภาพยนตร์ที่สร้างจากละครวิลเลียม เชคสเปียร์เรื่อง ‘Cymbeline’ เขาได้แสดงในภาพยนตร์รักร่วมสมัยเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสงครามระหว่างตำรวจกังฉินและสิงห์มอเตอร์ไซค์ค้ายา ในภาพยนตร์ที่ถูกพูดถึงว่าเป็น ‘Sons of Anarchy’ ผสม ‘Romeo and Juliet‘ นอกเหนือจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ เขายังเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์โซนีเรื่อง “Predestination” ซึ่งกำกับโดยไมเคิล และปีเตอร์ สเปียริก โปรเจ็กต์อื่นๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำของเขาได้แก่ภาพยนตร์โดยแอนดรูว์ นิคโคลเรื่อง ‘Drones’ และภาพยนตร์โดยชารี สปริง เบอร์แมน และโรเบิร์ต ปุลชินีเรื่อง ‘Ten Thousand Saints’
ในปี 2001 ฮอว์คได้ไปชิมลางงานเบื้องหลัง และเปิดตัวผลงานการกำกับเรื่องแรกด้วยดรามาเรื่อง ‘Chelsea Walls’ ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวห้าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันที่โรงแรมเชลซี โฮเตลในนิวยอร์ก ซิตี้ และนำแสดงโดยอูมา เธอร์แมน, คริส คริสทอฟเฟอร์สัน, โรซาริโอ ดอว์สัน, นาตาชา ริชาร์ดสันและสตีฟ ซาห์น นอกเหนือจากนั้น เขายังได้กำกับจอช แฮมิลตันในภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง ‘Straight to One’ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่รักที่อาศัยอยู่ในโรงแรมเชลซีย์ และเมื่อเร็วๆ นี้ เขาก็ได้กำกับสารคดีเกี่ยวกับเซย์มัวร์ เบิร์นสไตน์ นักแต่งเพลงเปียโนที่โด่งดัง โดยสารคดีเรื่องนี้จะเข้าฉายในปี 2014
ในปี 1996 ฮอว์คได้เขียนนิยายเรื่องแรก ‘The Hottest State’ ซึ่งตีพิมพ์โดยลิตเติล, บราวน์ แอนด์ คัมปะนี และตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 19 แล้ว ในผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่สอง เขาได้ดัดแปลงบทภาพยนตร์และกำกับเรื่อง ‘The Hottest State’ นอกจากนี้ เขายังกำกับมิวสิค วิดีโอสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย นิยายเรื่องที่สองของเขา ‘Ash Wednesday’ ตีพิมพ์โดยนอพฟ์ และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในชุดวรรณกรรมคลาสสิกร่วมสมัยของบลูมส์เบรี นอกเหนือจากงานนิยายแล้ว เขายังได้เขียนโปรไฟล์อย่างละเอียดของคริส คริสทอฟเฟอร์สันให้กับนิตยสารโรลลิง สโตนในเดือนเมษายน ปี 2009 อีกด้วย
พออายุได้ 21 ปี เขาก็ได้ก่อตั้งมาลาพาร์ท เธียเตอร์ คัมปะนี ที่ซึ่งเปิดดำเนินการต่ออีกห้าปี และเป็นที่ที่เปิดโอกาสให้นักแสดงหนุ่มสาวได้ฝึกปรือฝีมือของพวกเขา ในปี 1982 ฮอว์คได้เปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ด้วยเรื่อง ‘The Seagull’ นอกเหนือจากนั้น เขายังได้แสดงประกบริชาร์ด อีสตันใน ‘Henry IV’, ‘Buried Child’ (สเตปเปนวูลฟ์), ‘Hurlyburly’ ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูซิลล์ ลอร์เทล อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลการแสดงดีเด่นจากเวทีดรามา ลีก อวอร์ด (เดอะ นิว กรุ๊ป), ละครโดยทอม สต็อพเพิร์ดเรื่อง ‘The Coast of Utopia’ ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในละครเวทีและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลดรามา ลีก อวอร์ดสาขาการแสดงดีเด่น (ลินคอล์น เซ็นเตอร์), การแสดงควบของเดอะ บริดจ์ โปรเจ็กต์เรื่อง ‘The Cherry Orchard’ และ ‘The Winter’s Tale’ ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลดรามา เดสก์ อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในละครเวที (บรู๊คลิน อคาเดมี ออฟ มิวสิค และเดอะ โอลด์ วิค) และละครโดยสก็อต เอลเลียตเรื่อง ‘Blood From A Stone’ (เดอะ นิว กรุ๊ป) ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลการแสดงดีเด่นจากเวทีโอบี้ อวอร์ด ปี 2011 นอกจากนั้น ในปี 2007 เขาได้เปิดตัวผลงานการกำกับละครออฟบรอดเวย์เรื่องแรกด้วยรอบปฐมทัศน์โลกของคอเมดีตลกร้ายโดยโจนาธาน มาร์ค เชอร์แมนเรื่อง Things We Want ในปี 2010 ฮอว์คได้กำกับละครโดยแซม เชพเพิร์ดเรื่อง ‘A Lie of the Mind’ ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลผู้กำกับละครเวทียอดเยี่ยมจากเวทีดรามา เดสก์และติดอันดับท็อปเท็นในลิสต์ละครเวทียอดเยี่ยมของนิวยอร์ก ไทม์และนิวยอร์กเกอร์ ในปี 2012 เขาได้แสดงในละครโดยแอนตัน เชคอฟเรื่อง ‘Ivanov’ สำหรับคลาสสิก สเตจ คัมปะนี ในปี 2013 เขาได้กำกับและนำแสดงใน Clive ละครที่เบอร์โทลท์ เบรทช์ดัดแปลงจากเรื่อง ‘Baal’ โดยมาร์ค เชอร์แมน ที่เชอร์แมนเขียนให้กับเดอะ นิว กรุ๊ป เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการแสดงนำในละครเรื่อง ‘Macbeth’ โปรดักชันของลินคอล์น เซ็นเตอร์ เธียเตอร์
ด้านจอแก้ว เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้แสดงในละครโทรทัศน์ที่ดัดแปลงจาก ‘Moby Dick’ ทางอังกอร์ โดยเขารับบทต้นหนมากประสบการณ์และจงรักภักดี สตาร์บัค ลูกเรือคนเดียวที่กล้าคัดค้านกัปตันอาฮับ (วิลเลียม เฮิร์ท)
ฮอว์คใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์ก เขาแต่งงานแล้วและมีลูกสี่คน
แพทริเซีย อาร์เควทท์ (Patricia Arquette)
เมื่อเร็วๆ นี้ แพทริเซียเพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนตร์ที่อำนวยการสร้างโดยมาร์ติน สกอร์เซซีเรื่อง ‘The Wannabe’ ประกบวินเซนต์ เปียซซา และซีซันที่ห้าของซีรีส์เอชบีโอเรื่อง ‘Boardwalk Empire’ ประกบสตีฟ บุสเชมี
เธอเสร็จสิ้นจากการแสดงซีซันที่เจ็ดของซีรีส์ดังเรื่อง Medium ในบทอัลลิสัน ดูบัวส์ ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลมากมาย ผลงานภาพยนตร์ของเธอได้แก่ภาพยนตร์โดยริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์เรื่อง ’12 Year Movie’ หรือ ‘Boyhood’, ภาพยนตร์โดยแอนดรูว์ เดวิสเรื่อง ‘Holes’ ที่นำแสดงโดยซิเกอร์นีย์ วีฟเวอร์และจอน วอยท์, ภาพยนตร์โดยมิเชล กอนดรี้เรื่อง ‘Human Nature’, ‘The Badge’ ที่เธอแสดงประกบบิลลี บ็อบ ธอร์นตันและ ‘Little Nicky’ ประกบอดัม แซนด์เลอร์
หลังจากไปเยือนเฮติและได้เห็นซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนั้น อาร์เควทท์ก็ได้ก่อตั้งองค์กรการกุศล กี๊ฟเลิฟ เพื่อหาที่พักอาศัยที่ยั่งยืนให้กับเหยื่อแผ่นดินไหวชาวเฮติ และช่วยเหลือการบูรณะชุมชนหลังหายนะครั้งนั้น สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกี๊ฟเลิฟได้ที่เว็บไซต์ www.givelove.org
อาร์เควทท์เกิดในชิคาโก ปัจจุบัน เธออาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส ที่ซึ่งเธอเติบโตมา เธอเกิดวันที่ 8 เมษายน
เอลลาร์ โคลเทรน (Ellar Coltrane)
เอลลาร์เกิดและเติบโตในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เขาเป็นนักอ่านตัวยง ชื่นชอบการสวมรองเท้าเทนนิสและขีดเขียนเล่น เขาบังเอิญเจอกับการแสดงในตอนยังเด็กและหลังจากได้รับบทเล็กๆ ในภาพยนตร์อินดีและโฆษณาจำนวนหนึ่ง เขาก็ได้รับเลือกให้แสดงในภาพยนตร์โดยริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์เรื่อง ‘Boyhood’ เขาได้รับการอบรมบ่มเพาะอย่างแหวกแนวเกือบตลอดวัยเด็กของเขา ทำให้เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์และเกิดความสนใจศิลปะทุกแขนงอย่างลึกซึ้ง
ลอเรไล ลิงค์เลเตอร์ (Lorelei Linklater)
ลอเรไล ลิงค์เลเตอร์เริ่มต้นแสดงตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ เธอได้แสดงใน ‘Waking Life’ (2001) และ ‘Boyhood’ (2014) ปัจจุบัน เธอกำลังศึกษาด้านการวาดเขียนที่แคลิฟอร์เนีย คอลเลจ ออฟ ดิ อาร์ตส์
Boyhood | ประวัติทีมผู้สร้าง
ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ (Richard Linklater — ผู้กำกับ)
ก่อนหน้า ‘Slacker’ ภาพยนตร์ทดลองเกี่ยวกับ 24 ชั่วโมงในชีวิตของตัวละคร 100 ตัว จะโด่งดังในปี 1991 ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ก็ได้สร้างภาพยนตร์ขนาดสั้นหลายเรื่อง และได้ถ่ายทำภาพยนตร์ซูเปอร์ 8 เรื่อง ‘It’s Impossible to Learn to Plow By Reading Books’ (1988)
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของลิงค์เลเตอร์ได้แก่ภาพยนตร์คัลท์ยอดนิยมยุค 70s เรื่อง ‘Dazed and Confused’ (1993), ‘Before Sunrise’ (1995) ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลหมีเงินสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน, ‘Suburbia’ (1997), ‘The Newton Boys’ (1998) ภาพยนตร์เวสเทิร์น/แก๊งสเตอร์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในยุค 20s, ภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง ‘Waking Life’ (2001), ดรามาเรียลไทม์เรื่อง ‘Tape’ (2001), คอเมดียอดนิยมเรื่อง ‘School of Rock‘ (2003), ‘$5:15 an Hour’ (โทรทัศน์), ‘Before Sunset’ (2004) ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด, ‘Bad News Bears’ (2005), ‘A Scanner Darkly’ (2006), ‘Fast Food Nation’ (2006), ‘Inning by Inning: A Portrait of a Coach’ (2008), ‘Me and Orson Welles’ (2009), ‘Bernie’ (2012), ‘Up to Speed’ (2012, HULU), ‘Before Midnight’ (2013) และ ‘Boyhood’ (2014)
นอกจากนี้ ลิงค์เลเตอร์ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศิลป์ให้กับสมาคมภาพยนตร์ออสติน ซึ่งเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1985 เพื่อนำเสนอภาพยนตร์จากทั่วโลก ที่ไม่ค่อยได้เข้าฉายในออสตินอีกด้วย บัดนี้ สมาคมภาพยนตร์ออสติน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรเกี่ยวกับภาพยนตร์ระดับประเทศ ได้นำเสนอภาพยนตร์ปีละกว่า 200 เรื่อง มีโปรแกรมการศึกษาและได้มอบทุนกว่า 1,500,000 เหรียญให้กับผู้กำกับชาวเท็กซัสนับตั้งแต่ปี 1996
แคธลีน ซุทเธอร์แลนด์ (ผู้อำนวยการสร้าง)
หลังจากได้คลุกคลีกับงานสร้างภาพยนตร์ตั้งแต่อายุน้อย ระหว่างการไปเยี่ยมชมกองถ่ายเรื่อง ‘The Whole Shootin’ Match’ ของป้าเธอ และได้แสดงบทเด็กในค่ายที่ถูกปลาขย้ำใน ‘Piranha’ สองสัปดาห์ รวมทั้งได้รับงานผู้ช่วยงานสร้างครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปีในเรื่อง ‘Mongrel’ เธอก็ได้ลงหลักปักฐานในวงการภาพยนตร์อินดีในเท็กซัสอย่างมั่นคง
โจนาธาน เซห์ริง (ผู้อำนวยการสร้าง)
โจนาธาน เซห์ริง ดำรงตำแหน่งประธานไอเอฟซี ฟิล์มส์ และซันแดนซ์ ซีเล็คส์ที่เอเอ็มซี เน็ตเวิร์ค อิงค์ หนึ่งในผู้บริหารที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในแวดวงภาพยนตร์เฉพาะทาง ได้รับการยกย่องว่าเป็นคนหัวก้าวหน้าในการพัฒนาฐานผู้ชมให้กับภาพยนตร์อินดี้ เขาเป็นผู้บุกเบิกการก่อตั้งซันแดนซ์ ซีเล็คส์ในปี 2009 และได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาศิลปะนานาชาติแห่งเว็กซ์เนอร์ เซ็นเตอร์ในโคลัมบัส, โอไฮโอและเป็นหนึ่งในบอร์ดผู้อำนวยการฟิล์ม อินดีเพนเดนท์
จอห์น สลอส (John Sloss — ผู้อำนวยการสร้าง)
จอห์น สลอส เขาได้มีส่วนร่วมในการขายและ/หรือให้ทุนสร้างภาพยนตร์กว่า 400 เรื่อง เขาได้ร่วมงานกับริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์นับตั้งแต่การจำหน่าย ‘Slacker’ ในปี 1991 และได้อำนวยการสร้างผลงานชิ้นโบแดงทางภาพยนตร์ของเขา ‘Boyhood’ เขาได้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์กว่า 60 เรื่อง ซึ่งรวมถึง ‘Before Midnight, Bernie’, ‘Far From Heaven’ และภาพยนตร์รางวัลอคาเดมี อวอร์ดเรื่อง ‘The Fog of War‘ และ ‘Boys Don’t Cry’
จากไอเดียเล็ก ๆ ของริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ ในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยเด็ก มาสู่ประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของวงการภาพยนตร์ที่นำนักแสดงชุดเดียวกันมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดียว โดยใช้เวลาถ่ายทำถึง 12 ปี เพื่อการติดตามการเติบโตของเด็กชายคนหนึ่ง Boyhood จะทำให้คุณได้สัมผัสความสุข เศร้า และซึ้ง ตลอดความยาวของภาพยนตร์เกือบ 3 ชั่วโมง และยังได้คิดถึงประสบการณ์เก่า ๆ ไปกับพัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรม การเปลี่ยนผ่านด้านการเมือง และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย
กำหนดฉายในประเทศไทย 4 กันยายน นี้
1 คอมเมนต์