ยอมรับเลยว่าตัวเองยังติดตามผลงานของ ยอจินกู (Yeo Jin Goo) มาได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ได้รู้จักและนั่งดูผลงานของเขาในช่วงหลังๆ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เขาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความเป็นนักแสดงที่มากฝีมือ มีผลงานมาแล้วมากมายทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมไปถึงมิวสิควิดีโอ แถมยังมีรางวัลมากมายที่การันตีความสามารถด้านการแสดงอีก มันคงถึงเวลาที่นายแพทจะต้องหยิบประวัติและผลงานของเขามาเขียนถึงกันสักที
เริ่มกันด้วยประวัติแบบเบาๆ ของพระเอกหนุ่มคนนี้เลยเนอะ
ประวัติย่นย่อของ Yeo Jin Goo
ยอจินกู 13 สิงหาคม 1997 (พ.ศ. 2540) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีน้องชาย 1 คน ในส่วนของความหมายชื่อนั้น จิน แปลว่า สมบัติ ส่วน กู แปลว่า เก้า จินกู จึงมีความหมายว่า ‘สมบัติเก้าอย่าง’ ตอนนี้ เขากำลังศึกษาด้าน Department of Theatre and film อยู่ที่มหาวิทยาลัยจุงอัง (Chung-Ang University)
ในด้านการแสดงนั้น ตอนที่จินกูอายุได้ 8 ขวบ เขาเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักแสดงเด็กด้วยการรับบทเป็น พักฮวีชัง ในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ‘Sad Movie’ เมื่อปี 2005 ต่อมา เขาก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นกับการได้มีผลงานในฐานะนักแสดงเด็ก ในซีรีส์อย่าง ‘Giant’ ในปี 2011, ‘Moon Embracing the Sun’ และ ‘Missing You’ ในปี 2012 ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากมาย ก็เพราะฝีมือการแสดงที่เก่งเกินเด็กของเขานี่แหละ และเมื่อเขาเติบโตขึ้นมา เขาก็ยังได้รับบทพระเอกตอนวัยรุ่นใน ‘Missing You’ และในที่สุดเขาก็ได้รับบทพระเอกเต็มตัวในซีรีส์เรื่อง ‘Orange Marmalade’ ก่อนที่เขาจะได้เล่นหนัง ‘Hwayi: A Monster Boy‘ ในปี 2013 ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล The 34th Blue Dragon Awards
ส่วนงานเล่นมิวสิควิดีโอนั้น จินกูก็มีเช่นกันนะ เขาเคยแสดงในเอ็มวี Still in love ของศิลปินสาว Baek Ji Young ที่ออกมาในปี 2014 และ 니가필요해 (I need you) ของ 케이윌(K.will) ในปี 2012 นอกจากนี้ก็ยังได้เป็น MC ของรายการเรียลลิตี้โชว์เฟ้นหาเกิร์ลกรุ๊ป 3 สัญชาติอย่าง Girls Planet 999 ด้วย
ถือว่าเป็นหนุ่มที่มีความสามารถหลายอย่าง ทำให้มีงานที่หลากหลายนั่นเอง
ผลงานซีรีส์เด่นๆ ของ ยอจินกู
ด้วยความที่เข้าสู่แวดวงการแสดงมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก เขาจึงมีผลงานซีรีส์มากมายเกินกว่าจะไล่เรียงเขียนเต็มๆ ได้หมอ ขอหยิบเอาบางเรื่องที่น่าเขียนถึงมารวมไว้ในส่วนนี้ก็แล้วกัน เอ้า…เริ่ม!
เรื่อง Moon Embracing the Sun / ลิขิตรักตะวันและจันทรา / ปี 2012
มันคือซีรีส์ย้อนยุคแนวโรแมนติกที่เล่าเรื่องราวขององค์รัชทายาท อีฮวอน (ที่รับบทโดย คิมซูฮยอน) ผู้ได้พบเจอกับหญิงสามัญชน ยอนอู (รับบทโดย ฮันกาอิน) และตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ก่อนจะมาเจอกันอีกครั้ง เมื่อความฉลาดเฉลียวของยอนอูทำให้นางได้เข้ามาในวัง แต่โชคชะตาก็พาให้ทั้งสองพลัดพรากจากกัน และเพราะโชคชะตานั้นที่พัดพาให้ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกคราผ่านอุปสรรคต่างๆ นานาที่เป็นบททดสอบความรักของคนสองคน
และก็แน่นอน ยอจินกู คือคนที่ได้รับบทของ อีฮวอน ในวัยเด็ก เขาได้รับเสียงชื่นชมในฝีมืออย่างหนาหู และเขาก็ได้รับรางวัลจากการแสดงซีรีส์เรื่องนี้ด้วย
รางวัลที่ได้รับจากซีรีส์ Moon Embracing the Sun
- รางวัล Best Child Actor (นักแสดงเด็กชายยอดเยี่ยม) จากเวทีประกาศรางวัล 2012 MBC Drama Awards
เรื่อง Orange Marmalade / เขี้ยวรักสีส้ม / ปี 2015
ในซีรีส์เรื่อง ‘Orange Marmalade’ ยอจินกู รับบทเป็น จองจีมิน ที่เก่งรอบด้าน เป็นนักเรียนตัวอย่าง เป็นหัวหน้าห้อง หน้าตาดี ฉลาด แถมยังเป็นหัวหน้าวงพ่วงตำแหน่งมือกีตาร์ของวง Orange Marmalade อีกด้วย การมารับเรื่องนี้ทำให้ยอจินกูที่เคยเรียนรู้การเล่นกีตาร์มาบ้างจากการดูอินเตอร์เน็ต ต้องหันมาเรียนรู้อย่างจริงจังจากอาจารย์ และความจริงแล้ว เขาก็ไม่ได้เล่นเป็นแค่กีตาร์ เขาก็ยังเล่นเปียโนเป็นอีกด้วยนะครับ
รางวัลที่ได้รับจากซีรีส์ Orange Marmalade
- รางวัล Best New Actor จากเวที 2015 KBS Drama Awards
เรื่อง The Royal Gambler / เดิมพันบัลลังก์เดือด / ปี 2016
เรื่องนี้ก็เป็นซีรีส์เกาหลีย้อนยุคอีกเช่นกัน เล่าเรื่องราวของพี่น้องที่ชะตาขีดเส้นให้พวกเขามาเจอกันโดยไม่รู้ว่าต่างก็เป็นพี่น้องกัน แพคแทกิล (รับบทโดย จางกึนซอก) ลูกของพระสนมกับสามีคนก่อนที่เป็นนักพนัน เขาคือนักพนันที่เก่งสุดในยุคโชซอนผู้กักเก็บความคั่งแค้นไว้ภายใน กับ องค์ชายยอนอิง (ซึ่งก็คือ จินกู นั่นแล) บุตรของพระสนมกับพระราชาผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ยองโจ เขามีบุคลิกฉลาดและเย่อหยิ่ง ทั้งสองคนต้องมาเจอกันโดยมีบ้านเมืองเป็นเดิมพัน
รางวัลที่ได้รับจากซีรีส์ The Royal Gambler
- รางวัล Excellent Actor (long-length drama) จากเวที 2016 SBS Drama Awards
เรื่อง Into the World Again / อดีตรักพัดหวน / ปี 2017
ซีรีส์เรื่องนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Reunited Worlds’ บอกเล่าเรื่องของชายที่เคยตายไปแล้วเมื่อ 12 ปีก่อน แต่จู่ๆ เขาก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในรูปลักษณ์เดิมเหมือนตอนที่ตายไป ยอจินกู ก็คือตัวเอกของเรื่องที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายผู้มีพี่น้อง 5 คน ผู้ที่ได้รู้ว่าหลังการตายของตน พี่น้องล้วนแยกย้ายและมีชีวิตอย่างยากลำบาก อีกทั้งการกลับมาบนโลกนี้มีเวลาจำกัดและต้องใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด เรื่องนี้จินกูได้เล่นร่วมกับ อียอนฮี ที่เล่นเป็นเพื่อนวัยเรียนที่เขาเคยหลงรัก
เรื่อง The Crowned Clown / สลับร่าง ล้างบัลลังก์ / ปี 2019
ซีรีส์เรตติ้งสูงที่ Yeo Jin Goo ได้เล่นในปีนี้ ก็คือ ‘The Crowned Clown’ ครั้งนี้เป็นซีรีส์แนวย้อนยุคที่ฉายทางช่อง tvN เล่าเรื่องราวของพระราชาที่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นานทว่าคร่าชีวิตผู้คนไปมาก จึงพยายามจะหาตัวแทนมารับเคราะห์เผื่อถูกปองร้าย และก็ได้เจอหนุ่มที่เล่นละครตลกล้อเลียนพระราชาแถมยังหน้าเหมือนพระราชาเป็นที่สุด ราชเลขาจึงร่วมกับขันทีโจจัดแจงเตี๊ยมทุกอย่างให้แสดงเหมือนพระราชาองค์จริง แต่อดีตหนุ่มละครล้อเลียนนี้ดันมีเหตุบางอย่างให้เกิดความคับแค้น การปลอมตัวเป็นพระราชาจึงเป็นหนทางบดขยี้ศัตรูให้จมดิน
งานนี้ จินกูจึงต้องสวมบทบาทเป็น 2 คาแรกเตอร์ที่มีบุคลิกแตกต่างกัน แม้จะเป็นงานที่ยาก แต่เขาก็แสดงมันออกมาได้ดี ความตีบทแตกทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับทั้งเรตติ้งสูง พร้อมๆ กับได้รับการยอมรับในฝีมือ แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ ภาพวาดขันทีโจที่พระราชาตัวปลอมวาดให้เป็นของขวัญกับขันทีโจนั้น เป็นฝีมือของยอจินกูเอง
เรื่อง My Absolute Boyfriend / รักผมได้ไหม คุณแฟน? / ปี 2019
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวคอมเมดี้แฟนตาซี ‘My Absolute Boyfriend’ หนนี้ จินกูรับบทบาทคู่กับ พังมินอา ที่เล่นเป็น ออมดาดา เมกอัพอาร์ทิสต์คนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก เธอได้พบกับยองกู หุ่นยนต์ซีโร่-ไนน์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นแฟนหนุ่มในอุดมคดิ เป็นหุ่นยนต์ที่ได้รับการโปรแกรมมาให้เป็นแฟนหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบ หลังเผลอไปเปิดสวิตช์ ทำให้เธอกลายเป็นแฟนของหุ่นยนต์ไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่พ้นต้องเจอกับวังวนรักสามเส้ากับเพื่อนสนิทของตัวเอง ใครได้ชมซีรีส์เรื่องนี้ คงจะได้เห็นออร่าที่ฟุ้งกระจายของยอจินกูจนอยากจะเป็นแฟนสาวของเขาเป็นแถบแน่ๆ เลย
แท้จริง ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ เป็นเวอร์ชันรีเมกของซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘Absolute Boyfriend’ ที่สร้างไว้ในปี 2008 ซึ่งนำแสดงโดย นำแสดงโดย โมโคมิจิ ฮายามิ และซากิ ไอบุ ซึ่งก็สร้างจากการ์ตูนเรื่องเดียวกัน อีกข้อหนึ่งคือ มันเคยถูกสร้างเป็นเวอร์ชันไต้หวันแล้วในปี 2012
เรื่อง Hotel Del Luna / รอรักโรงแรมพันปี / ปี 2019
จะเห็นว่าเพียงปีเดียว Yeo Jin Goo รับเล่นซีรีส์ถึง 3 เรื่องด้วยกัน แถมต่างแนวกันอย่างสิ้นเชิง สำหรับเรื่องนี้ ‘Hotel del Luna’ เป็นแนวแฟนตาซีลึกลับ ‘รอรักโรงแรมพันปี’ เล่าเรื่องของ กูซานซอง ชายหนุ่มที่ต้องไปทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่นี่รับเฉพาะลูกค้าที่เป็นผี เขาคือคนที่เหมาะกับที่นี่เพราะเขามองเห็นผีได้ แม้จะกลัวผีอยู่พอสมควรก็ตาม และเขาก็ต้องไปเจอกับเจ้าของอย่าง จางมัลวอน (ซึ่งก็คือ ไอยู นั่นแหละ) หญิงสาวแสนสวยผู้ที่มีชีวิตอยู่มาพันปี และไม่อาจเดินทางไปภพหน้าจนกว่าจะทำภารกิจนั้นให้เสร็จสิ้น
ด้วยความน่าติดตาม บวกกับเคมีของนักแสดงทั้งคู่ กลายเป็นอีกเรื่องที่ได้กระแสตอบรับอย่างดี มีผู้ชมติดกันงอมแงม ใครได้ดูก็คงจะเห็นในเรื่องนี้ IU สวยงามมากแค่ไหน และเมื่อซีรีส์ได้รับเรตติ้งปังๆ ก็ยิ่งทำให้จินกูเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปด้วย
เรื่อง Start-Up / สตาร์ทอัพ / ปี 2020
‘สตาร์ทอัพ’ เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องการแข่งขันของธุรกิจเกิดใหม่ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านไอทีนี่แหละ แล้วก็จะมีบริษัทพี่เลี้ยงที่ให้เงินสนับสนุน เรื่องราวของ ซอดัลมี (รับบทโดย ซูจี) ลูกจ้างชั่วคราวที่ฝันจะมีธุรกิจของตนเอง เธอได้พบกับ นัมโดซาน (รับบทโดย นัมจูฮยอก) ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพที่ดูไร้อนาคต จากนั้นทั้งสองก็ได้ร่วมกันก่อตั้งธุรกิจใหม่โดยมี ฮันจีพยอง (รับบทโดย คิมซอนโฮ) คอยเป็นพี่เลี้ยง
ตอนที่ซีรีส์ออนแอร์ แฟนๆ ของจินกูล้วนจดจำได้ว่าเขาคือเจ้าของเสียง ยองซิล อุปกรณ์เอไอของหนึ่งในธุรกิจที่ฮันจีพยองพิจารณาเข้าไปลงทุน เหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้เขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในซีรีส์เรื่องนี้ ก็เพราะมีผู้กำกับคนเดียวกับเรื่อง ‘Hotel del Luna’ คือ โอชุงฮวาน นั่นเอง นอกจากนี้ เขาก็ยังได้บทรับเชิญเป็น ฮงจีซอก คนที่ได้คุยเรื่องแผนธุรกิจกับฮันจีพยองในตอนที่ 16 อีกด้วยนะ
เรื่อง Beyond Evil / ปมปีศาจ / ปี 2021
ถึงเวลาที่จินกูจะได้เล่นบทในซีรีส์แนวทริลเลอร์กันบ้างแล้ว ซีรีส์เรื่อง ‘ปมปีศาจ’ เล่าเรื่องของ อีดงชิก (รับบทโดย ชินฮาคยอน) นักสืบผู้เก่งกาจด้านกฏหมาย ประจำการอยู่ในสถานีตำรวจเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคดีให้ทำ จนวันหนึ่ง ฮันจูวอนตำรวจสายสืบที่สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่างก็ย้ายเข้ามาประจำที่นี่เพื่อสืบหาความจริงบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนไว้มายาวนานถึง 20 ปี
ครั้งนี้ ยอจินกูได้รับบทนำร่วมกับนักแสดงรุ่นใหญ่ แถมตัวซีรีส์เองก็คว้า 3 รางวัลจากเวที Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 57 เลยล่ะครับ
เรื่อง Link: Eat, Love, Kill / ปี 2022
เรื่องนี้ จินกู กลายเป็นเชฟชื่อดังที่มีจิตใจเชื่อมโยงกับนางเอกที่รับบทโดย มุนกายอง ซีรีส์เรื่องนี้มีส่วนผสมที่หลากหลาย นอกจากจะเป็นซีรีส์ทำอาหารแล้ว ก็ยังเป็นซีรีส์แฟนตาซีเพราะพระเอกมีจิตเชื่อมโยงด้านอารมณ์กับนางเอกที่เขาเองก็เคยเป็นแบบนี้กับน้องสาวที่หายตัวไป หลังเขาย้ายมาทำร้านอาหารในท้องที่เก่าที่เขาอยู่สมัยเด็ก ก็ได้พบกับนางเอกผู้เป็นลูกสาวร้านหม้อไฟที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านของพระเอก แถมยังมีเรื่องฆาตกรรมเกิดขึ้นในร้านของนางเอก แถมพลั้งมือฆ่า เลยจัดการเอาศพไปไว้ในตู้เย็นที่คิดว่าทิ้งแล้ว แต่ที่จริงมันเป็นของพระเอกอีก
รายชื่อผลงานซีรีส์ทั้งหมดของ ยอจินกู
ผลงานซีรีส์ที่จินกูได้แสดงนั้นมีมากมายครับ ด้วยเหตุเพราะเขาเข้าวงการนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เลยก็ทำให้งานในช่วงแรกนั้น เขามักจะได้รับบทเป็นตัวเอกสมัยเด็ก ต่อมาโตขึ้นหน่อยก็กลายเป็นคนรับบทพระเอกสมัยวัยรุ่น จนในที่สุดก็กลายเป็นพระเอกเต็มตัว ซึ่งจะมีเรื่องไหนบ้าง ไล่ดูตามนี้กันได้เลย
- ‘Want to Love Again’ (SBS / 2006)
- ‘Yeon Gae So Mun’ (SBS / 2006-2007)
- ‘Queen of the Game’ (SBS / 2006-2007)
- ‘Il Ji-Mae: The Phantom Thief’ (SBS / 2008)
- ‘Tazza’ (SBS / 2008)
- ‘Can Anyone Love’ (SBS / 2009)
- ‘Princess Ja-Myung’ ชื่อไทย ‘จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน’ (SBS / 2009)
- ‘Swallow the Sun’ (SBS / 2009)
- ‘The Reputable Family’ ชื่อไทย ‘ตระกูลยอดคุณธรรม’ (KBS / 2010)
- ‘Giant’ ชื่อไทย ‘ศึกสงครามชีวิต’ (SBS / 2010)
- ‘Warrior Baek Dong Soo’ ชื่อไทย ‘จอมดาบคู่บัลลังก์’ หรือ ‘นักสู้คู่บัลลังก์’ (SBS / 2011)
- ‘Tree With Deep Roots’ (SBS / 2011)
- ‘The Moon Embracing The Sun’ ชื่อไทย ‘ลิขิตรักตะวันและจันทรา’ (MBC / 2012)
- ‘I Miss You’ หรือ ‘Missing You’ ชื่อไทย ‘รักสุดใจ’ (MBC / 2012-2013)
- ‘Potato Star 2013QR3’ (tvN / 2013-2014)
- ‘Orange Marmalade’ ชื่อไทย ‘เขี้ยวรักสีส้ม’ (KBS2 / 2015)
- ‘The Royal Gambler’ ชื่อไทย ‘เดิมพันบัลลังก์เดือด’ (SBS / 2016)
- ‘Circle: Two Worlds’ Connected (tvN / 2017)
- ‘Into the World Again’ หรือ ‘Reunited Worlds’ ชื่อไทย ‘อดีตรักพัดหวน’ (SBS / 2017)
- ‘The Crowned Clown’ ชื่อไทย ‘สลับร่าง ล้างบัลลังก์’ (tvN / 2019)
- ‘My Absolute Boyfriend’ ชื่อไทย ‘รักผมได้ไหม คุณแฟน?’ (SBS / 2019)
- ‘Hotel Del Luna’ ชื่อไทย ‘รอรักโรงแรมพันปี’ (tvN / 2019)
- ‘Start-Up’ ชื่อไทย ‘สตาร์ทอัพ’ (tvN / 2020)
- ‘Beyond Evil’ ชื่อไทย ‘ปมปีศาจ’ (JTBC / 2021)
- ‘Link: Eat, Love, Kill’ (tvN / 2022)
ผลงานหนังเด่นๆ ของ ยอจินกู
เขาเป็นคนที่เล่นหนังมากพอสมควรเลยนะครับเนี่ย โดยจะเล่นหนังแทรกสลับกับการเล่นซีรีส์อยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ช่วงหลังๆ จะเล่นหนังน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ยังเล่นอยู่นะครับ
เรื่อง Sad Movie / อีกนิยามรัก / ปี 2005
นี่คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกที่ยอจินกูแสดง ภาพยนตร์เกาหลีแนวรอมคอมปนดราม่าที่เล่าเรื่องราวของ 4 เหตุการณ์หลักที่เดินเรื่องแยกแต่มีบางส่วนเชื่อมโยงถึงกัน โดยในเรื่องนี้ จินกูเล่นเป็นพัคฮีชาน ลูกชายของแม่ที่เป็นนักออกแบบภายในผู้มีชื่อเสียง เขาเป็นเด็กน่ารักแต่มักแสดงอารมณ์โกรธทุกครั้งที่แม่ไม่อยู่ เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากในบ้านเกิดแถมยังได้เข้าไปฉายในญี่ปุ่นครับ
เรื่อง A Frozen Flower / อำนาจ/ราคะ ใครจะหยุดได้ / ปี 2008
หนังเรื่องนี้ค่อนข้างโด่งดังในบ้านเราพอตัว ด้วยเพราะเนื้อหาและความเป็นหนังอีโรติกอิงประวัติศาสตร์ของมัน นำเค้าโครงมาจากเรื่องจริงของราชวงศ์โครยอแต่ไม่ได้เล่าตามจริงไปเสียทั้งหมด นำแสดงโดย จูจินโม ที่เล่นเป็นพระราชาแห่งโครยอผู้ถูกกดดันให้ผลิตรัชทายาทเพื่อสืบทอดบัลลังก์ แต่ความจริงแล้ว พระราชามีใจให้กับฮงริม (ที่รับบทโดย โจอินซอง) หัวหน้าองครักษ์ผู้ภักดี และยอมให้ฮงริมร่วมหลับนอนกับมเหสี (ที่รับบทโดย ซงจีฮโย) อันส่งผลให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดตามมา
และในหนังเรื่องนี้ ยอจินกู ก็ได้เล่นเป็น ฮงริม ในวัยเด็กนั่นเองครับ
เรื่อง Hwayi: A Monster Boy / ปี 2013
เพราะผลงานเรื่องนี้ที่ทำให้ ยอจินกู ได้รับรางวัล มันจึงไม่อาจมองข้ามไปได้ เป็นอีกครั้งที่เขาได้แสดงความสามารถอันโดดเด่นให้เห็น หนังในปี 2013 เรื่องนี้ว่าด้วย ฮวาอี เด็กชายที่ถูกเลี้ยงมาโดยแก๊งอาชญากรทั้งห้า หลังจับเด็กคนนี้มาเพื่อหวังเรียกค่าไถ่แต่เกิดผิดพลาดจนต้องเลี้ยงต่อ พวกเขาฝึกฮวาอีให้เชี่ยวชาญวิชาโจรหวังให้วันหนึ่ง เด็กคนนี้จะเป็นอย่างพวกเขา แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นเมื่อซอกแท (รับบทโดย คิม ยุนซอก) พาฮวาอีไปทำภารกิจแรก โดยไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นการปลุกปีศาจร้ายในตัวเขา ทั้งยังเปิดเผยความจริงบางอย่างออกมาด้วยเช่นกัน
รางวัลที่ได้รับจากหนังเรื่อง Hwayi: A Monster Boy
- รางวัล Best New Actor จากเวทีการประกาศรางวัล 2013 (33rd) Korean Association of Film Critics Awards
- รางวัล Best Rookie Actor จากเวทีการประกาศรางวัล The 34th Blue Dragon Film Awards
เรื่อง Ditto / ปาฏิหาริย์รักข้ามเวลา / ปี 2022
‘ปาฏิหาริย์รักข้ามเวลา’ เรื่องนี้รีเมกจากหนังโรแมนติกดราม่าสุดคลาสสิกในปี 2000 อย่าง ‘รักต่างมิติ’ เล่าเรื่องเดียวกันแต่สลับเพศตัวละครและปรับเปลี่ยนช่วงเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเรื่องนี้ ยอจินกู เล่นเป็น คิมยง ชายหนุ่มที่นักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาอยู่ในปี 1999 ผู้กำลังตกหลุมซอฮันซอล (รับบทโดย คิมฮเยยุน) สาวปี 1 ที่เพิ่งเข้ามา แต่เพราะเครื่องวิทยุสมัครเล่นที่หยิบยืมมาจากเพื่อน ทำให้เขาได้ติดต่อกับ คิมมูนี (รับบทโดย โจอีฮยอน) หญิงสาวอีกคนที่มีชีวิตอยู่ในปี 2022 และการติดต่อสื่อสารกันคนละช่วงเวลาของเขาและเธอได้เปิดเผยบางสิ่ง
รายชื่อผลงานภาพยนตร์ทั้งหมดของ ยอจินกู
หยิบยกมาไม่หมดทุกเรื่องก็จริง แต่ก็จะขอลิสต์รายชื่อหนังทั้งหมดที่ยอจินกูได้เล่นเอาไว้ตรงนี้
- ‘Sad Movie’ ชื่อไทย ‘อีกนิยามรัก’ (2005)
- ‘No Mercy for the Rude’ (2006)
- ‘Are You Crazy’ (2008)
- ‘Sorry Apple’ (2008)
- ‘Antique’ (2008)
- ‘A Frozen Flower’ ชื่อไทย ‘อำนาจ/ราคะ ใครจะหยุดได้’ (2008)
- ‘Hwayi: A Monster Boy’ (2013)
- ‘Mr. Perfect’ (2014)
- ‘Tazza: The Hidden Card’ (2014)
- ‘Shoot Me in the Heart’ (2015)
- ‘The Long Way Home’ (2015)
- ‘Warriors of the Dawn’ (2017)
- ‘1987: When The Day Comes’ (2017)
- ‘Ditto’ ชื่อไทย ‘ปาฏิหาริย์รักข้ามเวลา’ (2022)
ถือเป็นบทความส่องประวัติที่ค่อนข้างยาวและเยอะที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา ก็หวังว่าทุกคนที่ชื่อชอบ ยอจินกู จะได้อ่านกันอย่างจุใจและมีความสุขที่เลือกรักได้ถูกคนเช่นนี้นะครับ
ข้อมูลอ้างอิง: