22 หนัง Netflix Originals ที่มีดีพอและควรค่าแก่การเปิดดู

ดูเหมือนหลายคนจะมีปัญหากับการเลือกดูหนังในเน็ตฟลิกซ์ และเช่นกัน หลายคนก็ชอบบ่นว่า หนังในบริการนี้ค่อนข้างหาของดีมีความน่าสนใจได้ยาก ส่วนใหญ่เจอมาแล้วผิดหวัง เอาจริงๆ มันก็ใกล้เคียงว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีเอาเสียเลย หนังหลายเรื่องก็เป็นหนังดี มีการันตีด้วยรางวัล บางเรื่องเก่าขึ้นหิ้ง แต่ถ้าพูดถึงในกระบวนหนัง Netflix Originals ก็พอมีหลายเรื่องอยู่ที่มีดีพอจะหยิบมาแนะนำกัน

ทั้งนี้ก็คงต้องบอกเช่นกันว่า มันอาจจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณจะเห็นด้วยกับผม หรืออาจจะมีหนังเรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ถูกรวบรวมไว้ในบทความนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเจออะไรมากกว่านี้ ก็อาจจะได้มีบทความชิ้นถัดไปที่พูดถึงในคอนเซ็ปต์นี้อีกก็เป็นได้

ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันเลย…

01 News of the World – นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์

ผลงานที่น่าสนใจอีกหนึ่งของ Tom Hanks ร่วมกับผู้กำกับเจสัน บอร์น อย่าง Paul Greengrass หนังที่เล่าเรื่องราวย้อนไปราวปี 1870 เรื่องนี้ จะเรียกรวมเป็นหนังสไตล์คาวบอย หรือ Western Genre ก็น่าจะย่อมได้ เรื่องราวของชายหนุ่มที่กลายสภาพจากทหารนักรบในสงครามกลายเป็นนักเล่าข่าวที่เร่ร่อนจากเมืองสู่เมืองพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ

การเดินทางของลุงนักเล่าข่าวกับเด็กหญิงกำพร้าข้ามพื้นที่อันรกร้างในรัฐเทกซัส จุดหมายของลุงที่ต้องการพาเด็กกลับไปหาญาติที่หลงเหลืออยู่ หนังแนวผจญภัยที่เหมือนจะเรื่อยๆ ไม่มีอะไร แต่อุปสรรคที่เจอตามรายทางทำให้หนังเดินไปอย่างกลมกล่อม แถมมีฉากที่ทำซึ้งน้ำตาไหลปะปนเข้ามาด้วย

02 I’m Thinking of Ending Things – อยากให้เธออยู่ดูตอนจบด้วยกัน

หนังแนวไซโคระทึกขวัญเรื่องนี้แทรกใส่ความเหนือจริงเข้าไป แถมยังไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน ใครที่เปิดดูแล้วไม่ชอบหรือไปต่อไม่ไหวเทไปเสียก่อน ต้องบอกว่าคงไม่แปลก มันเป็นหนังที่ว่าด้วยความไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของหญิงสาวคนหนึ่ง กับความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มคนใหม่ ทั้งสองตกลงเดินทางได้ตกลงเดินทางตามติดรถฝ่ายชาย เพี่อไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาที่บ้านไร่ไกลปืนเที่ยง

ผลงานการแสดงของ Jesse Plemons, Jessie Buckley และ Toni Collette รวมทั้ง David Thewlis สำหรับที่เป็นแฟนตัวยงของผู้กำกับ Charlie Kaufman คงต้องไม่พลาด

03 The Irishman – คนใหญ่ไอริช

ผลงานคุณภาพชิ้นใหม่ หนังที่ยาว 3 ชั่วโมงครึ่งที่ว่าด้วยอาชญากรฆ่าคน เรื่องที่สร้างเพื่อฉายออนไลน์ทาง Netflix เท่านั้น เรื่องราวที่หยิบมาจากเรื่องจริงของบุคคลผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กับภาพยนตร์ที่มาความยาวราวสามชั่วโมงครึ่ง เรียกได้ว่า ยาวสุดกันไปเลยแหละครับ

แค่เป็นหนังที่กำกับโดย Martin Scorsese แสดงโดย Robert De Niro, Al Pacino, Joe Pesci ก็น่าดูมากมายแล้ว แต่นี่เป็นหนังบน Netflix ที่มีความยาวราวสามชั่วโมงครึ่ง นับว่าเป็นหนังที่ยาวมากทีเดียว แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่อาจพลาดได้สักนาที ตัวละครยุ่บยั่บจนอาจเหมาะกับการรับชมในสตรีมมิ่ง แต่อรรถรสของการชมในโรงหนังอาจหลุดลอยไป

04 The Call – สายตรงต่ออดีต

ผลงานหนังยาวเรื่องแรกของผู้กำกับ อีชุงฮยอน หนังถูกเลื่อนโปรแกรมหลายหนเพราะวิกฤติโควิด-19 ระบาด จนสุดท้ายก็มาจบตรงที่ฉายทาง Netflix หนังทริลเลอร์ที่พาคนดูระทึกไปกับการลุ้นไปลุ้นมาของคนในปัจจุบันกับคนในอดีต หนังที่นำแสดงโดย พัคชินฮเย และ จอนจงซอ

เรื่องราวของตัวละครที่อยู่กันคนละช่วงเวลาแต่เป็นสถานที่เดียวกัน และติดต่อกันได้ทางโทรศัพท์บ้าน ลุ้นระทึกกันพอสมควรทีเดียว กับเรื่องที่พลิกไปพลิกมารวดเร็วจนไม่ทันคาดเดา แม้จะมีบางจุดที่ชวนตะขิดตะขวงในความสมเหตุผลบ้าง แต่โดยรวมก็ถือเป็นหนังใน Netflix ที่ดูสนุกตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ

05 Mank – แมงค์

ยามที่เศรษฐกิจอเมริกาฝืดเคืองที่มาพร้อมกับพิษฮิตเลอร์และสงครามโลกครั้งที่สอง ฮอลลีวูดช่วงทศวรรษ 1930 ก็มีปัญหาเช่นกัน หนังเรื่องเดินเรื่องผ่านสายตาและมุมมองของ เฮอร์แมน เจ. แมนเคียวิซ หรือ แมงค์ นักเขียนบทติดเหล่าฝีปากกล้า ช่วงนั้น เขากำลังเร่งเขียท ‘Citizen Kane’ ให้เสร็จภายใน 60 วัน โดยที่ต้องต่อสู้กับอาการติดสุราของตนเอง

หนัง Netflix Originals ที่กำกับโดย David Fincher เรื่องนี้เลือกเดินเรื่องด้วยภาพขาวดำ เรื่องราวของแมงค์ที่ช่วย Orson Welles ผู้กำกับหนังหน้าใหม่ หนังที่พาเราย้อนกลับไปในฮอลลีวูดยุคเก่า เรื่องราวเบื้องหลังบอกเล่าการทำงานของระบบสตูดิโอในอดีต นำแสดงโดย Gary Oldman และ Amanda Seyfried

06 Uncut Gems – เพชรซ่อนเหลี่ยม

หนังที่เล่าถึงพ่อค้าเพชรพลอยร้ายเล่ห์ฝีปากดีแห่งนิวยอร์ก ที่สวมบทบาทโดย Adam Sandler นักแสดงที่ออสการ์ไม่เคยเห็น แต่ผลงานใน ‘Uncut Gems’ กลับฉายแววโดดเด่น หนังเรื่องนี้นำเสนอการเดินทางอันแสนยาวนานและเต็มไปด้วยบาดแผลของพ่อค้ารายนี้

เมื่อหนี้สินของพ่อค้าเพชรพลอยนาม ฮาวเวิร์ด แรทเนอร์ เริ่มท่วมหัว เพราะดันเป็นพวกติดการพนัน นักทวงจอมโหดก็พร้อมจะกระซวกไส้ทุกวินาที เขาจำเป็นต้องเสี่ยงทุกอย่างเพื่อหาทางล้างหนี้และเอาชีวิตรอด ดำเนินเรื่องด้วยการใส่กลิ่นอายของหนังอาชญากรรมสไตล์สกอร์เซซี ผลงานบ้าคลั่งจากการกำกับของสองพี่น้อง Benny Safdie และ Josh Safdie

07 Da 5 Bloods – 5 เลือดอหังการ

ผลงานจาก Spike Lee ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำให้ผิดหวัง เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ เรื่องราวของเหล่า 4 ทหารผ่านศึกสงครามเวียดนามชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา ที่เดินทางกลับไปยังเวียดนามอีกครั้ง เพื่อตามหาซากศพของหัวหน้าหน่วยผู้ล่วงลับ และขุมทองที่แอบฝังไว้

หนังดราม่าอารมณ์แปลกที่บอกเล่าการเดินทางของเหล่าคนผิวสีที่ต้องร่วมรบในดินแดนแปลกที่ แถมยังเลือกจะกลับมาที่เดิมด้วยจุดประสงค์บางอย่าง หนังอาจให้ความรู้สึกแหม่งๆ อยู่บ้างในบางช่วง แต่หลายช่วงก็ชวนลุ้นหรือตื่นตกใจอยู่เช่นกัน จัดว่าเป็นหนังดูเพลิน และอาจเป็นหนังที่ชื่นชอบของใครหลายคน ที่แน่นอน ก็คือ หนังพูดถึงเรื่องการเหยียดผิวและเรื่องสงคราม

08 I Don’t Feel at Home in This World Anymore

อาจดูเป็นเพียงหนังเล็กๆ แต่ที่จริงก็คว้ารางวัลมาแล้วนะ ทั้งรางวัล Grand Jury Prize จาก Sundance Film Festival ปี 2017 และรางัลชนะเลิศ Austin Film Award สาขา Best First Film จาก Austin Film Critics Association และยังมีชื่อเข้าชิงในอีกหลายรางวัล กลายเป็นหนังอินดี้ที่ต้องจับตามอง

หากคุณพบเจอกับเรื่องร้ายๆ มา หนังเรื่องนี้อาจเหมาะกับคุณ เมื่อเกิดเหตุโจรบุกบ้านแต่ตำรวจปฏิเสธจะช่วยเหลือ เรื่องราวของผู้ช่วยพยาบาลขี้ขลาดกับเพื่อนบ้านสุดแปลกที่ออกตามล่าตัวพวกชั้นต่ำที่บุกรุกเข้ามาในบ้านของเธอ หนัง Netflix Originals เรื่องนี้นำแสดงโดย Melanie Lynskey และ Elijah Wood กำกับโดย Macon Blair

09 The Dig – กู้ซาก

ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากหนังที่เขียนขึ้นจากเรื่องจริงของนักขุดค้นทางโบราณคดีที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณนายเจ้าของที่ดิน ให้ไปขุดเนินดินจนพบซากเรือโบราณที่เก่าแก่ซึ่งน่าจะเป็นหลุมฝังศพของชาวไวกิ้งโบราณ ระหว่างนั้น เขาต้องพบเจอหลายสิ่ง ทั้งดินที่เขาขุดเอง ทั้งคนของพิพิธภัณฑ์ ทั้งผู้คนมากมายที่เข้ามาเพราะเรือโบราณลำนี้

หนังภาพสวย เพลงเพราะ ดำเนินเรื่องดี แถมยังมีบทหนังที่เยี่ยมยอด เล่าหลายสิ่งสอดคล้องกันแต่เรียบง่าย เป็นหนังที่ย้อมสีภาพให้ดูเก่าแต่อบอุ่น ใส่โทนสีเหลืองมองดูสบายตา กับเรื่องราวที่ย้อนไปในอดีต นำแสดงโดย Ralph Fiennes, Carey Mulligan, Johnny Flynn และ Lily James

10 Annihilation – แดนทำลายล้าง

ชื่อของหนังมีความหมายว่า ‘การทำลายล้าง’ ที่ก็ตรงกับชื่อไทยอยู่แล้ว เรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับมนุษย์ต่างดาว พวกเขามาเยือนโลก สร้างความฉงนให้กับมวลมนุษย์ และเมื่อดูหนังไปเพียงไม่กี่สิบนาทีก็พอเข้าใจได้ว่าหนังมีอะไรบางอย่างที่เหมาะกับคนไทยบางกลุ่มเท่านั้น

‘Annihilation’ หรือ ‘แดนทำลายล้าง’ เป็นหนัง Netflix Originals จากผู้กำกับ Alex Garland ที่ทำหนังไซไฟแนวสอดแทรกอะไรให้ขบคิดด้วยเสมอๆ กับการมาของสิ่งมีชีวิตต่างดาวในรูปแบบที่แตกต่างออกไป Natalie Portman คือคนเดียวที่โดดเด่น แบกรับทั้งเรื่องไว้โดยมีคนอื่นมาช่วยแบ่งเบาไว้คนละเล็กคนละน้อย หนังมีความนิ่ง ทว่าสร้างความอยากรู้ และพาไปในทางที่คาดไม่ถึงได้ดี แม้ตอนจบจะพอเดาได้อยู่บ้างก็ตาม

11 Paddleton – แพดเดิลตัน

เรื่องราวของ ไมเคิล (Mark Duplass) และแอนดี้ (Ray Romano) ชายหนุ่มสองคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์หลังเดียวกัน หลังหมอวินิจฉัยไมเคิลว่า เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนชีวิตจะจบสิ้นลงเพราะโรคร้าย เขาขอให้เพื่อนบ้านร่วมเดินทางโร้ดทริปด้วยกัน

ผลงานจากผู้กำกับ Alex Lehmann เป็นหนัง Netflix Originals ที่เล่าเรื่องของเพื่อนสนิทที่ชอบเล่นเทนนิสด้วยกัน เทนนิสที่ตีชนกำแพงไปมานั่นแหละ ข่าวร้ายอย่างมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายของหนึ่งในนั้นบอกกับพวกเขาว่า หนึ่งในนั้นกำลังจะตาย โร้ดทริปครั้งนี้จะเป็นเหมือนการเยียวยา การระบายความรู้สึกสุข ทุกข์ และมิตรภาพ ก่อนสุดสิ้นลมหายใจ

12 Marriage Story – แมริเอจ สตอรี่

ผลงานของ โนอาห์ บอมบาค ผู้สร้างภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ เจ้าของผลงานอย่าง Mistress America, Frances Ha, Margot at the Wedding และอีกหลายเรื่อง เรื่องนี้เข้าชิง 6 รางวัลลูกโลกทองคำ นำแสดงโดย Adam Driver และ Scarlett Johansson

เรื่องราวของชีวิตคู่ที่กำลังจะล่มสลาย แมริเอจ สตอรี่ เรื่องราวของผู้กำกับละครเวทีกับนักแสดงในละครเวทีของเขาเอง ที่รักกัน แต่งงานกัน และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ชีวิตแต่งงานของพวกเขากำลังเดินมาถึงจุดเปลี่ยน การหย่าร้างในวันที่พวกเขามีลูกด้วยกันมันช่างยากเย็นและปวดใจ ทั้งอดัมและสการ์เล็ตต์ต่างเล่นเข้าคู่กันได้ดีและถ่ายทอดอารมณ์ของคู่ชีวิตที่ต้องแยกจากทั้งที่ยังรักได้ดีจนน้ำตาไหลในหลายฉาก อย่างไรก็ตาม อาจรู้สึกเบื่อและรำคาญอยู่บ้างในฉากที่มีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง และเข้าใจดีว่ามันเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนการหย่าร้าง

13 Pieces of a Woman – เศษเสี้ยวหัวใจหญิง

ภาพยนตร์ที่จะชักชวนให้คุณเข้าสู่โหมดเสียน้ำตา กับเรื่องราวของ มาร์ธา ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการจะคลอดลูกเองในบ้าน จนนำมาซึ่งเหตุเศร้าสะเทือนใจ ผลงานการกำกับของ Kornél Mundruczó ที่ได้ Vanessa Kirby มาเล่นบทนี้ และเรามองเห็นได้ชัดว่า เธอแสดงเอาไว้ได้ดีมากในฉากลองเทคที่ใครได้ดูต่างก็ร้องไห้ตาม และทำให้เธอได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิง

ฉากความยาว 24 นาทีในช่วงเริ่มต้นของการคลอดลูกในบ้านนั้น กลายเป็นฉากเด่นที่สุดของหนัง เรื่องราวเหตุสะเทือนใจหลังการคลอดลูกที่บ้านที่กลายเป็นเรื่องเศร้า ผู้หญิงคนหนึ่งจำต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างแสนสาหัส

14 Roma – โรม่า

ภาพยนตร์เรื่องล่าของผู้กำกับ ‘Gravity’ และ ‘Children of Men’ อัลฟอนโซ คัวรอน ที่คว้า 3 รางวัลออสการ์มาครอบครอง นี่คืองานเล็กๆ ที่ผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่อยากจะทำ หยิบเม็กซิโกในวัยเด็กของเขามาพูดถึง ย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวในประเทศเม็กซิโก ราวปี 1971 ที่ซึ่งบ้านเมืองกำลังคุกรุ่น และผู้กำกับเลือกจะเล่าเรื่องราวในครอบครัวๆ หนึ่งที่อาศัยอยู่ในย่านโรม่า ในเมืองเม็กซิโกซิตี้ บ้านเกิดของเขาเอง หนังเล่าถึงคนใช้ของครอบครัว เธอต้องทำงานทุกอย่าง ทั้งดูแลเด็กๆ ทำกับข้าว และทำงานบ้าน แต่เธอเองก็มีชีวิตส่วนตัวด้วยเช่นกัน

หนังขาวดำที่ใช้ความเก่าของทุกสิ่ง เล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย มุมกล้องแพนไปมา แต่นักแสดงเล่นกันอย่างเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นเรื่องที่ดูเรียลอย่างที่สุด ช่วงท้าย จากหนังที่ดูเรียบๆ กลายเป็นหนังที่สร้างอิมแพ็คต่อจิตใจไปได้อย่างเหลือเชื่อ

15 Gerald’s Game – เกมกระตุกขวัญ

ผลงานการนำเอาบทประพันธ์ของ Stephen King มาแปลงเป็นบทหนังและนั่งแท่นกำกับเองของ Mike Flanagan เจ้าของผลงานอย่างซีรีส์ ‘The Haunting of Hill House’  และ ‘The Haunting of Bly Manor’

เมื่อเกมเซ็กซ์ของสามีไม่ได้เย้ายวนใจอย่างที่คาด เจสซี่ซึ่งถูกคล้องกุญแจมือติดกับเตียงในบ้านริมทะเลสาบที่ห่างไกลจึงต้องเผชิญความลับอันดำมืดและทางเลือกที่สุดจะเลวร้าย Carla Gugino สวมบทบาทเป็น เจสซี่ ผู้ซึ่งใช้เวลาพักผ่อนวันหยุดกับสามีในบ้านริมทะเลสาบที่ห่างไกลผู้คนในรัฐอะลาบามา แต่กลับต้องผูกติดอยู่กับเตียงนอน เราจะได้เห็นปัญหาของคนทั้งคู่ทั้งสุดแย่ไปจนถึงแย่สุด ชะตากรรมของเจสซี่ที่ต้องดิ้นรนสุดชีวิตแถมยังไม่อาจหาใครมาช่วยเหลือเธอได้ ถือว่าเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงแบบเหนื่อยนิดๆ อะแหละ

16 The Mitchells vs. the Machines – บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล

เมื่อบ้านมิตเชลล์ต้องออกโรงปะทะกับเหล่าหุ่นยนต์ที่หวังยึดครองโลก แถมยังได้โอกาสซ่อมแซมความไม่ลงรอยภายในครอบครัวด้วย ผลงานจาก Sony Pictures Animation ที่กำกับโดย Michael Rianda ที่เคยแต่กำกับแอนิเมชันขนาดสั้นมา 2 เรื่อง ซึ่งคงไม่มีใครรู้จัก แต่เขาก็เริ่มมีเครดิตมากขึ้นจากการเขียนบทแอนิเมชันซีรีส์ทางทีวีเรื่อง ‘Gravity Falls’ ซึ่งเรื่องนี้ เขาก็เขียนบทเช่นกัน โดยมี Jeff Rowe ร่วมเขียนและร่วมกำกับ

แอนิเมชันครอบครัวผสมไซไฟผสมผจญภัย เรื่องของครอบครัวมิตเชลล์สุดเพี้ยนที่ไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ต้องอยู่ในรถคันเดียวกันในวันที่จักรกลยกพลขึ้นยึดโลก เหลือเพียงพวกเขาที่จะกอบกู้โลกได้ แถมยังจะซ่อมแซมความเข้าใจภายในครอบครัวไปด้วย หนังสนุก บันเทิง ลายเส้นสุดสวย เพิ่มไอเดีย ดูพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว

17 The Trial of the Chicago 7 – ชิคาโก 7

อีกผลงานการกำกับของ Aaron Sorkin ที่ครั้งนี้ เป็นหนัง Netflix Originals ที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริง เข้าชิงออสการ์ถึง 6 ตัวแม้จะชวดไม่ได้สักรางวัล เล่าเรื่องราวการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยอย่างสันติในปี 1968 เรียกได้ว่าเป็นหนังคอร์ทรูมอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะใช้ศาลเป็นพื้นที่หลักในการดำเนินเรื่อง หนังเรื่องนี้ ไม่มีฉากจลาจล ไม่มีการปะทะด้วยอาวุธ มีแต่การว่าความ โต้เถียง และการปะทะกันทางความคิด

เกิดการชุมนุมต่อต้านสงครามเวียดนาม ที่เดิมก็เป็นไปอย่างสันติ ต่อมาก็เกิดความรุนแรงบานปลายจนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รัฐบาลอเมริกันจึงจัดการฟ้องแกนนำว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันก่อการจลาจล ฝ่ายผู้ชุมนุมจึงจำเป็นต้องใช้กลไกศาลเพื่อต่อสู้คดี บทหนังของซอร์คินและการแสดงของพวกเขาทำให้คนดูได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของการชุมนุมมากขึ้น หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Joseph Gordon-Levitt, Eddie Redmayne, Yahya Abdul-Mateen II และ Sacha Baron Cohen

18 Okja – โอคจา

อีกหนึ่งผลงานของผู้กำกับฯ ชาวเกาหลี Bong Joon Ho ที่เคยสร้างผลงานระดับอินเตอร์ด้วยการร่วมงานกับนักแสดงดังจากฮอลลีวูดมาแล้วจาก ‘Snowpiercer’ อีกหนึ่งผลงานที่เขาได้ร่วมงานกับนักแสดงดังอีกครั้ง กับหนังระทึกขวัญที่สร้างองค์ประกอบของโลกเหนือจริง

ดูเหมือนเขาจะชอบเสียจริงกับการเสียดสีวิพากษ์สังคมมนุษย์ แต่เรื่องนี้หันเหไปในเชิงรสนิยมการบริโภคของมนุษย์บ้าง เรื่องราวของบริษัทที่เลื่องชื่อด้านสิ่งแวดล้อมและอาหาร ประกาศตัวว่าจะสร้างการแข่งขันที่ปฏิวัติวงการปศุสัตว์ครั้งใหญ่ สร้างซูเปอร์ลูกหมูขึ้นมาได้ 26 ตัวและแจกจ่ายไปยังผู้เลี้ยงหมูทั่วโลก แข่งกันว่าใครจะเลี้ยงได้มีขนาดใหญ่และมีเนื้ออร่อยที่สุด เด็กคนหนึ่งจึงเลี้ยงโอคจาแบบปล่อยให้เดินเล่นตามใจ โดยที่ไม่รู้ว่าวันหนึ่งมันจะถูกพรากไป หนังนำแสดงโดย Tilda Swinton และ Jake Gyllenhaal

19 Enola Holmes – เอโนลา โฮล์มส์

ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายของ Nancy Springer บอกเล่าเรื่องของน้องสาวของพี่ชายทั้งสองของตระกูลโฮล์มส์ เธอเติบโตขึ้นด้วยการเลี้ยงดูที่ไม่เหมือนใครในยุคนั้น

มันเป็นหนัง Netflix Originals ที่ดัดแปลงจากหนังสือ เล่าถึงชีวิตของเอโนลา สาวน้อยวัย 16 น้องสาวของไมครอฟต์และเชอร์ล็อก ที่ออกเดินทางด้วยตัวเองเพื่อสืบหาแม่ที่หายตัวไปจากบ้าน งานภาพที่สวยงามผสมกิมมิกเหมือนหนังเก่า มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ สวยแก่นและช่างพูด หนัง PG-13 ที่ดูเพลิน บอกเรื่องราวของคนที่ขบถต่อยุคสมัยและอยากให้มีตอนต่อ (และมีแน่ๆ แล้ว)

20 Klaus – มหัศจรรย์ตำนานคริสต์มาส

เรื่องราวของเจสเปอร์ ทายาทตระกูลมหาเศรษฐีที่ถูกพ่อส่งให้ไปเป็นไปรษณีย์คอยส่งจดหมายบนเกาะอันห่างไกลและกันดาร ด้วยข้อแม้ว่า เขาต้องส่งจดหมายให้ได้ 6 พันฉบับมิฉะนั้นจะถูกตัดออกจากกองมรดก แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ก็ได้พบว่า บนเกาะมีการแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝักฝ่ายที่ต่างไม่ส่งจดหมายหากันยาวนาน แต่เขาก็ได้พบกับ Klaus คุณลุงที่เป็นทั้งช่างไม้และนักทำของเล่นผู้อยู่อย่างเดียวดายนอกเมือง เจสเปอร์จึงปิ๊งไอเดียที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นมา

แอนิเมชันจากสเปนที่เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลคริสต์มาสที่ผมได้รับชมในช่วงคริสต์มาสไปเมื่อปีก่อน เรื่องราวที่บอกเล่าตำนานคริสต์มาสในสไตล์ที่แตกต่างออกไป แถมยังเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย เป็นแอนิเมชันชนิดวาดมือทั้งเรื่อง ภาพสวยงาม จรรโลงใจ ดูกันได้ทั้งครอบครัว

21 The Platform – เดอะ แพลตฟอร์ม

หนังแนวสยองขวัญ-ระทึกขวัญจากสเปน ที่หยิบเอาเรื่องชนชั้นมาเล่นในแบบไซไฟ เดอะ แพลตฟอร์ม เล่าเรื่องโลกในหนังที่มีการแบ่งออกเป็นร้อยๆ ชั้น แต่ละชั้นมีนักโทษสองคน ชั้นบนสุดจะได้รับอาหารเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากนั้น สิ่งที่เหลือจากชั้นบนจะถูกเลื่อนลงมาให้ชั้นถัดลงไปได้กิน แน่นอนว่า ไม่มีหลักประกันใดๆ จะบ่งบอกว่า พวกเขาจะได้กินอิ่มทุกมื้อ และนักโทษที่อยู่ในชั้นล่างๆ ต้องอดอยากหิวโหย จนจำเป็นต้องส่งสารถึงเบื้องบน

ไอเดียที่ไม่ได้ใหม่มากนัก แต่แตกต่างในการแหวกแนวการสื่อสารไอเดีย เป็นหนังสไตล์ดิสโทเปียอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจ แต่อาจต้องทนพะอืดพะอมกับความสกปรกโสโครกอยู่สักหน่อย ไม่แนะนำให้ดูในระหว่างมื้ออาหาร

22 My Octopus Teacher – บทเรียนจากปลาหมึก

เป็นหนังสารคดีได้รับรางวัลออสการ์และมีให้ชมกันใน Netflix เรื่องราวของนักถ่ายทำหนังที่พยายามแทรกซึมเข้าไปสร้างความไว้ใจและกลายเป็นเพื่อนของหมึกสาย หมึกตัวใหญ่ที่มีความฉลาดแสนรู้พอตัว ทำให้เราได้เห็นพฤติกรรมของมันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น แถมได้เห็นความน่ารักและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์โลกสองชนิดที่ไม่เคยได้พบเห็นกันมาก่อน

เอาเข้าจริง บางเรื่องก็อาจจะทำบางคนหน้าเบและเทไปแล้วเหมือนกัน แต่ก็เชื่อว่าหลายเรื่องก็ค่อนข้างถูกจริตของคนดูที่เป็นสมาชิกของ Netflix อย่างบ้างไม่มากก็น้อย เอาเป็นว่า ถ้าเจอหนังน่าสนใจนอกเหนือจากนี้ ก็อาจจะหยิบมาเขียนถึงอีกก็เป็นได้ รอติดตามก็แล้วกัน