ได้เวลาหมอแปลกจะเล่าเรื่องราวของตัวเองอีกครั้งในภาคสอง หลังผจญภัยเป็นพี่เลี้ยงอยู่กับเจ้าเด็กสไปดี้ใน ‘Spider-Man: No Way Home’ ที่ให้โลกที่เราอยู่นั้นพร้อมจะถูกตัวประหลาดจากจักรวาลอื่นข้ามมาเยือนได้ทุกเมื่อ ก่อนหน้านั้นก็แนะนำพหุจักรวาลหรือมัลติเวิร์สไปแล้วในซีรีส์มาร์เวลบางเรื่อง รอกันมานาน ได้ดูกันเสียที ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ ชื่ออังกฤษอย่างยาว ชื่อไทยก็ยาวไม่แพ้กัน ‘จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย’ ที่คราวนี้เข้าฉายบ้านเราในวันพุธเพราะเป็นวันหยุดฉัตรมงคล
ครั้งนี้ จอมเวทย์มหากาฬที่มาพร้อมหนวดเคราสุดเท่บวกกับผมสีดอกเลาในบางส่วน พกพาเพื่อนซูเปอร์ฮีโร่สายแม่มดมาร่วมแชร์ความแฟนตาซี กับเรื่องราวที่พาข้ามไปมาระหว่างจักรวาล ผลงานเขียนบทของ Michael Waldron ผู้มีเครดิตจากซีรีส์ ‘Heels’ และ ‘Loki’ ผ่านฝีมือการกำกับของ Sam Raimi จากหนังเรื่อง ‘Spider-Man’ ทั้งสามภาค, ‘Evil Dead’ และ ‘Drag Me To Hell’
มันจึงกลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีลีลาสยองขวัญหน่อยๆ
เรื่องย่อหนัง ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’
ทุกวันนี้ ดร.สตีเฟน สเตรนจ์ (เบเนดิค คัมเบอร์แบทช์ จากหนังเรื่อง ‘The Imitation Game’, ‘1917’ และ ‘The Mauritanian’) ตื่นขึ้นมาเพราะความฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในจักรวาลอื่น ในฝันนั้นเขากำลังยุ่งเหยิงอยู่กับการช่วยเหลือเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังถูกจอมมารตามล่า เพราะหวังจะได้สุดยอดคัมภีร์เพื่อครอบครองทุกจักรวาล
แล้วเขาก็ได้พบกับเด็กสาวคนนั้นจริงๆ อเมริกา ชาเวซ (Xochitl Gomez/โซชิท์ล โกเมซ จากซีรีส์ ‘The Baby-Sitters Club’) ผู้ที่มีพลังมากแต่ยังควบคุมพลังตนไม่ได้ และผลพวงของสิ่งที่ด็อกเตอร์ได้ทำไว้ได้เปิดให้สิ่งเลวร้ายในจักรวาลอื่นเข้ามายังโลกใบนี้ เช่นเดียวกันกับที่เขาสามารถท่องไปในจักรวาลอื่น
หนทางแก้ไขเท่าที่คิดได้ก็คือการไปขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือจากแม่มดซูเปอร์ฮีโร่อย่าง วันดา แม็กซิมอฟ (เอลิซาเบธ โอลเซน จากซีรีส์ ‘WandaVision’, หนังเรื่อง ‘Wind River’ และ ‘Avengers: Age of Ultron’) เพื่อมาช่วยกันกอบกู้ความยุ่งเหยิงที่เขาดันไปเปิดมิติเอาไว้
รีวิวหนัง ‘จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย’
ความปั่นป่วนยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นเพราะหมอแปลกเป็นคนไปเปิดมิตินี้ ถูกบอกเล่าด้วยฝันร้ายสุดตื่นเต้นที่หมอต้องเจอซ้ำซากทุกคืน ถูกนำมาเล่าในสไตล์ระทึกบวกสยองขวัญโดยผู้กำกับมือเก๋าที่โดดเด่นในด้านนี้มานาน อย่าง Sam Raimi ซึ่งก็ถือว่าเข้ากันดี และทำให้หนังซูเปอร์ฮีโร่มีกลิ่นอายที่น่าสนใจและออกจะบันเทิง
ทั้งยังนำตัวละครซูเปอร์ฮีโร่สไตล์แม่มดอย่าง วันด้า หรือ Scarlet Witch มาร่วมแสดงบทบาท เธอคือผู้มีซีรีส์ของตนเองอย่าง ‘WandaVision’ ในครั้งนั้น เธอสร้างเหตุน่าสะพรึงในเมืองเวสต์วิลล์ ที่ทั้งปลุกชีพสามี ดึงคนเข้าไปอยู่ด้วยและชักนำจิตของพวกเขา แถมยังสร้างลูกน้อยทั้งสองขึ้นมาอีก พลังของเธอช่างเหลือล้นน่าหวาดหวั่น แต่หมอแปลกคงหมดหนทางจริงๆ เลยต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือ
เพราะฉะนั้น ซีรีส์ที่คนควรดูก่อนไปเจอกับหนังภาคนี้ จึงมี ‘WandaVision’ เป็นหนึ่งในนั้น เช่นเดียวกับ ‘Spider-Man: No Way Home’ ที่หมอแปลกต้องไปเป็นพี่เลี้ยง [หรือเป็นพ่อคนใหม่หว่า?] ของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ แล้วดันไปเปิดมิติไว้นั่นแหละ นอกจากนี้ ถ้าได้ดูซีรีส์ ‘Loki’ ด้วยก็จะยิ่งอินและเข้าใจกับคอนเซ็ปต์มัลติเวิร์สยิ่งขึ้น แถมฉากสุดท้ายในนั้นยังเป็นต้นเหตุที่ส่งผลต่อซีรีส์และหนังเรื่องอื่นๆ ตามมา
อีกเรื่องที่ควรได้ดูก็คือ ‘What If?’ เรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้ามีจักรวาลอื่นอยู่
แม้จะมีตัวละครมากมายพอตัวอยู่แล้ว แต่ภาคนี้ก็แนะนำตัวละครใหม่ให้เราได้รู้จัก เธอเป็นเด็กสาวอ่อนวัยนาม Xochitl Gomez ชื่อในเรื่องคือ อเมริกา ชาเวซ เด็กสาวที่มีพลังแต่ยังควบคุมมันไม่เป็น ผู้ถูกตามล่ามาจากจักรวาลอื่นที่ได้มาเจอกับหมอแปลกในจักรวาลนี้ แถมดูๆ ไปก็เหมือนเห็นหมอแปลกมีลูกสาวคนใหม่ เขาต้องตามไปช่วยเหลือในจักรวาลโน้นทีนี้ทีโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ สิ่งที่แฟนหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลคาดเดาได้ก็คือตัวละครเซอร์ไพรส์ที่ถูกอุบเงียบไม่บอกใคร จะมาในหนังตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เมื่อโผล่มาปุ๊บ พวกเขาจะเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ในทันที ทั้งตัวละครที่คิดถึง ตัวละครที่อึ้งไม่คิดว่าจะได้เจอ อะไรประมาณๆ นี้ แล้วพวกเขาเข้ามาสร้างบทบาทอะไรในเรื่องล่ะ? [บอกไม่ได้สิครับ]
อีกสิ่งที่ชื่นชอบใน ‘จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย’ ก็คงจะเป็นวิธีการเล่าเรื่องในสไตล์สยองขวัญแบบฉบับ Sam Raimi ที่ทำให้หนังพล็อตธรรมดา แต่ได้สไตล์การเล่า บวกดนตรีประกอบจาก Danny Elfman ที่ทำได้พอดี ด้วยรสมือของไรมี่ที่ผู้คนจดจำ มันจึงเป็นหนังที่มีฉากแอคชันสุดบันเทิง มีบางอย่างที่หนังมาร์เวลยังไม่เคยไปถึง และเพราะความช่ำชองทำให้เขาปรุงหนังอย่างมันมือ ส่งกลิ่นอายเฉพาะตัวออกมาได้โดนสุดๆ เลยล่ะ
ภาคนี้ หนังใส่ประเด็นหลายอย่างเข้าไป ไม่ว่าจะการไถ่ถามถึงความสุขของซูเปอร์ฮีโร่ การนำความรักในอดีตของด็อกเตอร์สเตรนจ์กลับมาอีกครั้ง หนังพาเขาไปพบกับคริสติน (Rachel McAdams จากหนังเรื่อง ‘Game Night’, ‘Midnight in Paris’ และ ‘The Vow’) คนที่น่าจะความสุขให้กับหมอได้ แต่ทว่า โชคชะตานำภารกิจมาให้และชักพาให้เธอหลุดลอย และก็ยังมีประเด็นนู้นนี่อีกนิดหน่อย โดยมีประโยคเด็ดคำคมที่ฟังแล้วต้องร้องอื้อฮือตาม
แล้วก็ตามเคย สำหรับหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล พบหนังจบลง ก็มีหนึ่งฉากแถมหลังรายชื่อนักแสดง [ตรงนี้เขาจะเรียกว่า Mid-credit] ก่อนจะปล่อยให้เรากวาดสายตาหาชื่อคนไทยในเครดิตยาวๆ ไปจนหมดตัวอักษรสุดท้าย จึงได้พบกับอีกฉากแถม
เข้าโรงดูหนังมาร์เวลนี่ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์คุ้มจริงๆ นะครับท่านผู้ชม
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ 2 / Doctor Strange in the Multiverse of Madness / จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย |
กำกับ | Sam Raimi |
เขียนบท | Michael Waldron |
แสดงนำ | Benedict Cumberbatch, Elizabeth Olsen, Chiwetel Ejiofor, Xochitl Gomez, Rachel McAdams, Benedict Wong |
แนว/ประเภท | Action, Adventure , Fantasy, Horror, Sci-Fi |
เรท | PG-13, ไทย/น13+ |
ความยาว | 126 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 4 พฤษภาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Marvel Studios, Walt Disney Studios Motion Pictures |
จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย
พล็อตและบท - 6.1
การดำเนินเรื่อง - 7.4
การแสดง - 7
งานด้านภาพและเทคนิคพิเศษ - 7.1
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.3
7
Doctor Strange in the Multiverse of Madness
เมื่อด็อกเตอร์สเตรนจ์ต้องวุ่นวายกับพหุจักรวาลที่เขาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความยุ่งเหยิงของมัน ครั้งนี้เขามีลูกสาวคนใหม่ที่ต้องคอยปกป้อง แถมยังขอความร่วมมือจากวันด้ามาช่วยหน่อย หนังได้ แซม ไรมี ที่เอาสิ่งที่เป็นลายมือของตนมาปรุงหนังซูเปอร์ฮีโร่ให้มีรสชาติ พร้อมแฟนเซอร์วิสที่หลายคนร้องฮือฮา จัดเป็นอีกหนึ่งงานบันเทิงสำหรับแฟนานุแฟนมาร์เวลอีกเรื่องหนึ่ง