ความสัมพันธ์ในครอบครัวอาจเป็นเรื่องที่เล่าในหนังแล้วทำให้อินน้ำตาไหลได้มากที่สุด แต่ก็ต้องอยู่มือของคนที่ทำถึงที่สุดเช่นกัน ทั้งยังมามาพร้อมกับบทที่ละเอียดมีแง่มุม การแสดงที่เข้าถึง การถ่ายทำที่เข้าจุด วันนี้มีหนังอีกเรื่องที่ทำในสิ่งเหล่านั้นได้ ‘หลานม่า’ หนังไทยเรื่องใหม่ในปี 2024 จาก GDH 559 ที่เล่าเรื่องครอบครัวคนจีนในไทยโดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้กำกับเอง
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
เพราะความเป็นลูกหลานบ้านคนไทยเชื้อจีน จึงทำให้ผู้กำกับหยิบเอาความเป็นจริงภายในครอบครัวที่พบเจอมาจริง ๆ เข้ามาใส่ในหนังได้อย่างสมจริง บวกกับการเลือกนักแสดงที่เล่นเข้าถึงบทบาท และตัดต่อได้เข้าจุด ทำได้คนดูที่แม้ไม่ใช่คนเชื้อจีนก็สามารถมองเห็นตัวเองในหนังได้ในหลายตัวละคร เพราะในชีวิตจริง เขามีหลายสถานะในครอบครัว หลายช็อตทำให้หัวเราะ แต่หลายช็อตเลยที่ทำให้อินน้ำตาซึม
อาจไม่ถึงกับฟูมฟาย แต่หลังชมแล้ว บอกได้เลยว่าเป็นหนังที่ดี
‘Lahn Mah‘ มันเกี่ยวกับอะไร?
เอ็ม (บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล จากหนังเรื่อง ‘น้อง.พี่.ที่รัก’ และซีรีส์ ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ ทั้งสองภาค) เป็นเด็กหนุ่มที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน เขาตัดสินดร็อปเรียนตอนปี 4 แล้วหันมาเอาดีทางแคสต์เกม แต่ดันไปได้ไม่ถึงไหน
เมื่อพบกับลูกพี่ลูกน้องอย่าง มุ่ย (ตู ต้นตะวัน ตันติเวชกุล จากซีรีส์ ‘F4 Thailand : Boys Over Flowersl’) ได้งานสบายรายได้ดีอย่างการดูแลอากงที่ป่วยระยะสุดท้าย และทำให้ได้รับมรดกจากอากงเป็นบ้านราคากว่า 10 ล้าน ทำให้เอ็มมองเห็นช่องทางรวย เมื่อเห็นว่าอาม่า (แต๋ว อุษา เสมคำ) ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและน่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี เขาจึงอาสาไปดูแลเพื่อหวังเงินล้านนั่นเอง
ที่จริงแล้ว เอ็มเป็นลูกชายของ สิ้ว (เจีย สฤญรัตน์ โทมัส) ลูกคนกลางของอาม่า ที่มีพี่ชายผู้ทุ่มเทให้กับครอบครัวอย่าง กู๋เคี้ยง (ดู๋ สัญญา คุณากร จากซีรีส์ ‘365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ’) และน้องชายที่มาทีไรก็เอาแต่ขอเงินอย่าง กู๋โส่ย (เผือก พงศธร จงวิลาส จากหนัง ‘พี่มาก..พระโขนง’ และ ‘อ้าย..คนหล่อลวง’) พวกเขาเป็นครอบครัวคนจีนที่มักจะมาพร้อมหน้ากันตามเทศกาล
แต่ทว่า งานที่หว่านพืชหวังผลชิ้นนี้ของเอ็ม ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี และได้เรียนรู้จักกับคุณค่าของคำว่า “ครอบครัว”
รีวิวหนัง ‘หลานม่า’
เมื่อพูดถึง ถ้าบอกว่านี่คืองานการกำกับภาพยนตร์ชิ้นแรก อาจทำให้รู้สึกเหมือนเป็นผู้กำกับมือใหม่ไม่น่าจะมีผลงานอะไรนัก ชวนให้สงสัยหนักขึ้นว่าทำไม GDH 559 จึงเลือกเขามากำกับภาพยนตร์ ที่จริงแล้ว เขาเคยฝากฝีมือไว้ในซีรีส์ ‘Project S The Series ตอน SOS skate ซึม ซ่าส์’ ก่อนจะแสดงฝีไม้ลายมืออีกครั้งในการกำกับซีรีส์ ‘ฉลาดเกมส์โกง’ แค่นี้ก็พอการันตีได้แล้วว่า ทำไมเขาจึงได้รับโอกาสในงานชิ้นนี้ แถมยังทำได้ถึงอย่างที่หลายคนร่ำลือเอาไว้อีก
มาถึงหนังเรื่องนี้กันบ้าง หนังที่มีชื่อไทยแบบสั้นสั้นง่ายง่าย ชัดถ้อยชัดคำว่า ‘หลานม่า’ แต่กลับมีชื่อฝรั่งอย่างยาวเฟื้อยว่า ‘How to Make Millions Before Grandma Dies’ ซึ่งแค่ชื่อก็บอกเล่าเรื่องย่อหนังไปแล้วเรียบร้อย มันเป็นหนังที่เล่าเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน โดยมีศูนย์กลางคือ อาม่า คนที่กำลังอยู่อย่างโดดเดี่ยวหลังลูกหลานทะยอยย้ายออกไปกันหมด แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิต มีเพียงเอ็มที่อาสามาอยู่ด้วย แม้อาม่าจะรู้ดีว่าเขาต้องการสิ่งใดตอบแทน
หนังไทยที่หยิบเอาความจริงของครอบครัวที่ใคร ๆ ก็มีขึ้นมาบอกเล่า โดยเฉพาะคนที่อยู่ในครอบครัวคนเชื้อจีนทั้งหลายที่น่าจะรีเลทมากที่สุด แง่มุมใหญ่เล็กมากมายถูกดึงเข้าไปใส่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านในตึกแถว แหล่งที่อยู่อาศัยแถบท่าพระฝั่งธน กิจการขายโจ๊ก รวมไปถึงค่านิยมความคิดต่าง ๆ ที่มีอยู่มานานแล้ว
แต่ถึงแม้คนดูจะเป็นคนไทยเชื้อสายไทยหรือมีเชื้อสายจีนแต่ถูกกลืนจนกลายเป็นคนไทยไปแล้ว ก็ยังสามารถจะรีเลทได้อยู่ดี เพราะไม่ว่าใครต่างก็ดำรงอยู่ในสถานะใดสถานะหนึ่งในครอบครัว ไม่เป็นพี่เป็นน้อง ก็ต้องเป็นลูกเป็นหลาน ที่มีย่ายายผู้กลายเป็นคนชราท่ามกลางลูกที่ขยับขยายไปมีครอบครัว แวะเวียนมาเพียงปีละไม่กี่ครั้ง แล้วสักวันก็ต้องพบเจอวาระสุดท้ายของตัวเอง และก็ต้องสละทรัพย์สมบัติที่สะสมของตัวเองให้กับลูกหลานอยู่ดี เรื่องเหล่านี้ไม่เคยพ้นไปจากชีวิตเรา
มีหลายช็อตเลยที่จะทำให้คนดูได้อิน เพราะมันต้องมีบ้างล่ะ ที่เขาจะต้องเจออะไรแบบนั้นบ้างในชีวิตจริงของตนเอง เช่นบางคนอาจจะจุกใจไปกับคำสอนของอาม่า อาจทำให้รู้สึกว่าเราทำอะไรไปกับชีวิตที่ผ่านมาวะเนี่ย รวมไปแง่มุมของครอบครัวเชื้อจีน ที่ลูกสาวมักถูกมองข้ามทั้งที่ดูแลมากสุด หรือจะเป็นอะไรที่ไม่ว่าครอบครัวไหนก็ต้องเจอ เช่น พี่น้องที่อาจรู้สึกอิจฉากันเพราะอีกคนมักได้อะไรจากพ่อแม่มากกว่า ลูกคนนึง ฐานะดีเวลาไม่มีแต่มีเงินให้อ้างมีครอบครัวต้องดูแล กับลูกอีกคนที่ชีวิตเละเทะแต่พ่อแม่ช่วยเหลือตลอด หรือคนเฒ่าคนแก่ที่มักอยู่อย่างเดียวดายเพราะลูกเต้าออกไปมีครอบครัวกันหมด อะไรแบบนี้เป็นต้น
แต่ก็ใช่จะมีแต่เรื่องดราม่าน้ำตาซึม เพราะบทจะตลกเรียกเสียงหัวเราะก็ทำได้ไม่แพ้กัน ต้องชื่นชมฝีมือการแสดงของ แต๋ว อุษา เสมคำ และ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ในบทอาม่ากับหลานที่เข้าขากันดี เอาเข้าจริง คงเรียกได้ว่าทั้งแคสต์เลยก็ว่าได้ แม้แต่ตัวละครที่แอร์ไทม์น้อยอย่างมุ่ย แต่ตูก็ยังเล่นไว้ได้อย่างมีมิติ ทว่า MVP ของเรื่องนี้ คงต้องยกให้ผู้รับบทอาม่าที่ถึงแม้จะเป็นครั้งแรก แต่ก็เล่นได้ดีจนเหมือนมือเก๋าเลยทีเดียว
นอกจากจะเล่าอยากเข้าถึงแล้ว ในหนังมันหยิบเอาบริบทชีวิตของคนกรุงหลาย ๆ มุมมาไว้ในนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถไฟร้อน ๆ ชั้นสามไปไหวฮวงซุ้ยในวันเชงเม้ง ขึ้นรถเมล์ร้อน หรือการต้องตื่นตีสี่เพื่อไปเข้าแถวรอพบหมอในโรงพยาบาล สะท้อนคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ยังลำบาก
ตัวนายแพทเองก็พบว่า หนังเรื่องนี้ พาให้น้ำตาซึมมาตั้งแต่กลาง ๆ เรื่อง มีบางช่วงบางตอนที่ทำให้อินน้ำตาไหล แต่ก็พบว่าไม่ได้ถึงกับฟูมฟายสะอึกสะอื้น เป็นความตั้งใจของผู้กำกับเอง ที่ไม่ได้ต้องการจะบิ๊วอารมณ์คนดูอย่างหนัก เพราะเขาไม่อยากให้คนดูรู้สึกไม่ไหวกับหนัง จนไม่อยากจะดูมันอีก
มันจึงจัดว่าเป็นหนังดี มีแง่มุม มีความเข้าใจชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในครอบครัวเชื้อจีนหรือไม่ก็สามารถแทนตัวเองเป็นคนโน้นคนนี้ในเรื่องได้ตลอด ดูแล้วรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ จนอาจคิดไปถึงคนที่บ้าน อาจรู้สึกอยากกลับไปดูแล ไปให้เวลากับพวกเขาอีกครั้งก็เป็นได้
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | หลานม่า / Lahn Mah / How to Make Millions Before Grandma Dies |
กำกับ | พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ |
เขียนบท | พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์, ทศพล ทิพย์ทินกร |
แสดงนำ | บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล, แต๋ว อุษา เสมคำ, ดู๋ สัญญา คุณากร, เผือก พงศธร จงวิลาส, เจีย สฤญรัตน์ โทมัส, ตู ต้นตะวัน ตันติเวชกุล |
แนว/ประเภท | ดราม่า |
เรท | – |
ความยาว | 125 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 4 เมษายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | GDH 559 |
คะแนนรีวิวหนัง หลานม่า
พล็อตและบท - 9
การดำเนินเรื่อง - 9
การแสดง - 9.5
การถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 9.1
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.9
9.1
How to Make Millions Before Grandma Dies
เพราะความเป็นลูกหลานบ้านคนไทยเชื้อจีน จึงทำให้ผู้กำกับหยิบเอาความเป็นจริงภายในครอบครัวที่พบเจอมาจริง ๆ เข้ามาใส่ในหนังได้อย่างสมจริง บวกกับการเลือกนักแสดงที่เล่นเข้าถึงบทบาท และตัดต่อได้เข้าจุด ทำได้คนดูที่แม้ไม่ใช่คนเชื้อจีนก็สามารถมองเห็นตัวเองในหนังได้ในหลายตัวละคร เพราะในชีวิตจริง เขามีหลายสถานะในครอบครัว หลายช็อตทำให้หัวเราะ แต่หลายช็อตเลยที่ทำให้อินน้ำตาซึม อาจไม่ถึงกับฟูมฟาย แต่หลังชมแล้ว บอกได้เลยว่าเป็นหนังที่ดี