เราได้ดูปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ พาร์ทวัน กันไปเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงปีนี้ การรอคอยนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อ ‘Mission: Impossible – The Final Reckoning’ หรือชื่อไทย ‘มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ‘ ครึ่งที่สองของภารกิจที่โคตรเป็นไปไม่ได้กำลังเข้าฉายในชมกันในโรงภาพยนตร์แล้ว ใครที่ติดตาม อีธาน ฮันต์ มาตลอด 30 ปี ยังไงภาคนี้ก็ต้องไม่พลาดใช่มั้ยล่ะ
คิดเห็นเช่นไรกับหนังมิชชั่นภาคนี้?
หลังเริ่มภารกิจไปแล้วในภาคก่อน ก็ถึงเวลาปิดจ็อบกันเสียทีในภาคนี้ เรื่องราวของเอไอฉลาดล้ำที่ อีธาน ฮันต์ และพรรคพวก ต้องหยุดยิ้งหายนะโลกให้ได้นี้ พาแฟนหนังมิชชั่นแฟลชแบ็กไปฟื้นความจำภาคเก่าอย่างเมามันในครึ่งเวลาแรก แซมด้วยแก๊กชวนฮาที่บ้างก็ชวนเกาหัว แต่ก็ทำให้หนังใช้เวลาไปมาก ก่อนจะเข้าสู่ภารกิจอิมพอสซิเบิ้ลอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในครึ่งเวลาหลัง
ด้วยซีเควนซ์ยาว ๆ ของสองฉากแอ็คชันโคตรลุ้น ทำให้ครึ่งหลังโดนใจสุด ส่วนแมสเสจความไว้เนื้อเชื่อใจก็เป็นอะไรก็แหล่มสุด ๆ เช่นกัน
เรื่องย่อหนัง ‘Mission: Impossible – The Final Reckoning’
เรื่องราวที่ถูกเล่าต่อจากภาคก่อนหน้า เมื่อ อีธาน ฮันต์ (Tom Cruise จากหนัง ‘Top Gun: Maverick’) ได้รับรู้การมีอยู่ของเอนทิตี้ เอไออันทรงพลังที่กำลังรุดหน้าเพื่อครอบครองและควบคุมทุกระบบทั่วโลก แม้จะยังยึดโยงอยู่กับมนุษย์ที่เป็นคู่ปรับเก่าอย่าง เกเบรียล (Esai Morales จากซีรีส์ ‘How to Get Away with Murder’) และแม้จะสามารถฉกชิงกุญแจมาได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโลกนี้จะปลอดภัย จึงยังคงเหลือภารกิจกอบกู้โลกอีกครึ่งหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จต่อให้มันจะยากเย็นถึงขั้นเป็นไปไม่ได้แค่ไหนก็ตาม
ในภารกิจครั้งนี้ อีธาน ยังคงร่วมมือกับคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจอย่าง ลูเธอร์ (Ving Rhames จากหนัง ‘The Wild Robot’), เบนจี้ (Simon Pegg จากหนัง ‘Terminal’), ปารีส (Pom Klementieff จากหนัง ‘Thunder Force’) และสมาชิกคนล่าสุดอย่างจอมโจรสาว เกรซ (Hayley Atwell จากหนัง ‘Avengers: Endgame’)
รีวิวหนัง ‘มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ’
ศัตรูของอีธาน ฮันต์ ในครั้งนี้ถือว่ามีอานุภาพเกินต้านมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญมาเลยก็ว่าได้ แถมมันไม่ใช่คน แต่เป็นเอไอที่ฉลาดล้ำ มองไม่เห็นตัวแต่ก็รู้ว่ากำลังทำอะไร แต่ไม่ว่ายังไงก็มีจุดอ่อน เพียงแต่เป็นจุดอ่อนที่กำจัดได้ยากยิ่งเท่านั้นเอง และเรื่องราวที่สุดจะซับซ้อน มีขั้นตอนมากมายกว่าจะลุล่วง จึงต้องใช้เวลาในการเล่ายาว 2 ภาค แถมแต่ละภาคก็ยาวเกิน 2 ชั่วโมงครึ่งทั้งนั้น คนจะเข้าไปดูก็ต้องเตรียมตัวกันให้ดี ๆ หน่อย
ภาคนี้เริ่มต้นเรื่องราวได้ค่อนข้างสะเปะสะปะนิดหน่อย ดูล้น ๆ มึน ๆ ในช่วงแรก มีช็อตที่พาขำและพยายามให้ขำโผล่เข้ามา ก่อนที่คนดูจะได้พบกับซีเควนซ์ของฉากแอ็คชันแบบยาว ๆ อย่างจุใจในครึ่งเวลาหลัง
Source|UIP Thailand
บทหนังมีความเชื่อมโยงกับภาคเก่าๆ ใครดูมาทุกภาคและจดจำรายละเอียดได้ทุกภาคก็จะอินและสนุกไปกับมัน นัยว่าภาคนี้จะขอรวบรวมสิ่งที่เคยเล่ามาเหลาให้มันบรรจบกันให้ได้ หยิบตัวละครเก่าๆ มาแฟลชแบ็กให้รื้อฟื้นความจำและร้องอ๋อกันอีกหน อาจเรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่เข้าที แต่ก็อาจเป็นอะไรที่บางคนเรียก “แถ” ได้อยู่เหมือนกันนะ
ระหว่างทาง อาจชวนให้คนดูรู้สึกหนักหัวไปบ้างเพราะต้องคิดตามไม่พัก ก่อนจะมาลุ้นระทึกแบบโล่งหัวแต่เกร็งทั้งตัวแทนก็เมื่อซีเควนซ์ของฉากแอ็คชันใหญ่ทั้งสองนั้นมาถึง ทอม ครูซ ของเรานอกจากจะไม่เลิกวิ่งและครั้งก่อนโชว์ลีลาขับรถซิ่งทั่วเวนิซทั้งที่ใส่กุญแจมือไปแล้ว หนนี้ เขาได้โอกาสลงน้ำและขึ้นบนฟ้าไปทำภารกิจเสี่ยงชีวิตที่ทำเอาคนดูเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน ช่วงนี้นี่แหละมั้งที่น่าจะถูกใจคอหนังมิชชั่นมากที่สุด
สิ่งที่เราจะได้เห็นในภาคนี้ ก็คงเป็นการทำภารกิจที่โคตรโม้-โคตรเป็นไปไม่ได้ที่ฮันต์ไม่มีทางทำคนเดียวได้สำเร็จ ซึ่งก็เป็นมาเช่นนี้ในทุกภาค ที่เพิ่มเติมมาคงเป็นการไว้เนื้อเชื่อใจกันของแต่ละตัวละคร ไม่ปล่อยให้ใครเป็นแค่พระรองคอยช่วยเหลือพระเอก แต่ทุกคนมีความสำคัญมากพอ ๆ กัน จนไม่อาจขาดใครไปได้หากจะทำมันให้สำเร็จ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในทีมเดียวกันก็ตาม
คงต้องบอกว่า นี่เป็นภารกิจที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในโลกของความเป็นจริง แต่เป็นไปได้ในจักรวาลมิชชั่น โอกาสเพียงส่วนเสี้ยวที่จะเกิดขึ้นได้ ต้องบอกว่าโม้ไปมาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่คนดูต้องการไม่ใช่เหรอ งั้นก็โม้ให้เต็มที่ไปเลยละกัน
Source|UIP Thailand
หนังแอบใส่ดราม่าที่ชวนน้ำตาซึมเข้ามานิดหน่อย ซึ่งถ้าให้อินมากก็อาจถึงขั้นน้ำตาไหลได้ แต่จะว่าไป มันยังขยี้น้อยไปหน่อย และดูจะปรานีกับตัวละครและคนดูมากพอตัว ไม่งั้นคงเรียกน้ำตาให้ท่วมโรงได้แน่ ๆ
ภาคที่แล้ว 179 นาที มาภาคนี้ 169 นาที น้อยกว่าแต่ยังไงก็ยังรู้สึกว่ามันยาวไปอยู่ดี ยังไงก็เตรียมตัวกันก่อนเดินเข้าโรงไปดูกันเน่อ
มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ภาคก่อนหน้า
- ‘Mission: Impossible’ (1996) กำกับโดย Brian De Palma
- ‘Mission: Impossible II’ (2000) กำกับโดย John Woo
- ‘Mission: Impossible III’ (2006) กำกับโดย J.J. Abrams
- ‘Mission: Impossible – Ghost Protocol’ (2011) กำกับโดย Brad Bird
- ‘Mission: Impossible – Rogue Nation’ (2015) กำกับโดย Christopher McQuarrie
- ‘Mission: Impossible – Fallout’ (2018) กำกับโดย Christopher McQuarrie
- ‘Mission: Impossible – Dead Rockoning Part One’ (2023) กำกับโดย Christopher McQuarrie
- ‘Mission: Impossible – The Final Reckoning’ (2025) กำกับโดย Christopher McQuarrie
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Mission: Impossible – The Final Reckoning / มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ |
กำกับ | Christopher McQuarrie |
เขียนบท | Bruce Geller, Erik Jendresen, Christopher McQuarrie |
แสดงนำ | Tom Cruise, Hayley Atwell, Ving Rhames, Simon Pegg, Esai Morales, Pom Klementieff, Henry Czerny |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ระทึกขวัญ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 169 นาที |
ปี | 2025 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร |
เข้าฉายในไทย | 17 พฤษภาคม 2025 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Paramount Pictures, Skydance Media, TC Productions |