ในสัปดาห์นี้ นายแพทคิดว่าไม่น่าจะมีภาพยนตร์เรื่องไหนยิ่งใหญ่และมีคนไทยหลายคนรอคอยได้เท่ากับหนังเรื่องนี้ ‘Kingsman The Golden Circle‘ เพราะนี่คือหนังภาคที่สองที่สานต่อความสำเร็จจากคิงส์แมนภาคปฐมบทที่สนุกสุดติ่ง ส่งผ่านมาถึง ‘คิงส์แมน รวมพลังโคตรพยัคฆ์’ ภาคต่อที่เสริมทัพด้วยดาราดังหลายคน
ภาคนี้ผู้กำกับที่ควบคุมทิศทางหนังก็ยังคงเป็น Matthew Vaughn เช่นภาคแรก แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ การเพิ่มเติมตัวละครใหม่ๆ เข้ามาอย่างเพียบ เห็นได้ชัดเจนจากโปสเตอร์คาแรกเตอร์ที่มีไม่รู้กี่แบบต่อกี่แบบ ขนเอาออกมาให้เราได้ทัศนากัน
เป็นของชักชวนความอยากให้ลุกขึ้นออกไปดูว่างั้น
เรื่องย่อหนัง ‘Kingsman The Golden Circle’
เรื่องราวที่ต่อมาจากภาคที่แล้ว เมื่อกลุ่มสายลับคิงส์แมนเผชิญกับความยากลำบาก ตัวละครหลักอย่าง เอ็กซี่ (Taron Egerton) และเมอร์ลิน (Mark Strong) ต้องกระเซอะกระเซิงเพื่อหาทางรอดให้กับตัวเอง จนได้พบกับหนทางใหม่ นั่นคือการได้พบกับองค์กรสายลับกลุ่มใหม่
ที่มีแนวทางแตกต่างจากเหล่าผู้ดีมีสูทอย่างสายลับอังกฤษอย่างสิ้นเชิง
ที่นี่มีทั้ง หนุ่มหล่อล่ำท่าทางแบดบอยอย่าง เตกีล่า (Channing Tatum) หนุ่มโคบาลผู้เก่งในการใช้บ่วงบาศก์เหลือหลายอย่าง วิสกี้ (Pedro Pascal) สาวที่ไม่มีใครอยากปั้นอย่าง จิงเจอร์ (Halle Berry) และไหนจะยังมีหัวหน้าเป็นคาวบอยเสียงเป็นเอกลักษณ์อย่าง แชมเปญ (Jeff Bridges) อีก
แต่ไม่น่าเชื่อว่า เรายังจะได้พบตัวเก๋าจากภาคที่คิดว่าน่าจะไม่รอดไปแล้ว อย่างกาลาฮัด (Colin Firth) กลับมาคราวนี้เขายังดูไม่เหมือนเดิม แถมยังได้เจอตัวร้ายที่คราวนี้เป็นเพศหญิง เธอคือเจ้าแม่ค้ายารายใหญ่ของโลก ป็อปปี้ (Julianne Moore)
จัดหนักจัดเต็มตัวละครเสียขนาดนี้ น่าสนใจว่าจะจัดทัพจัดบทยังไงเนี่ยแหละ
รีวิวหนัง ‘Kingsman The Golden Circle’
หลังจากประสบความสำเร็จในใจของนายแพทมาแล้วในภาคแรก ‘Kingsman: The Secret Service’ เมื่อสามปีก่อน มาปีนี้ แมททิว วอห์น คนเดิมก็กลับมาพร้อมกับภาคต่อที่ต้องเรียกได้ว่า ดาราดังเยอะมาก
เพิ่มตัวละครเข้ามาเพียบ จนอาจเป็นปัญหาในการสร้างสมดุล
เป็นภาคต่อที่พยายามจะสานต่อความสำเร็จและเอกลักษณ์ในฉากแอคชั่นที่มันระเบิดแบบมีสไตล์โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่เลือกที่จะเน้นเพิ่มตัวละครเข้ามาทีละหลายตัว เพราะเหล่าคิงส์แมนต้องเดินทางไปเจอกับกลุ่มองค์กรสายลับแห่งใหม่ในเคนตักกี ลีลาของพวกผู้ดีมีสูทจึงมีแนวทางใหม่เข้ามาเสริม
นั่นคือ แนวทางคาวบอยนั่นเอง
แต่ก็ดูเหมือนว่า การสร้างจุดขายในภาคสองด้วยการเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาอย่างเพียบ และส่วนใหญ่ก็เป็นดารามีชื่อทั้งนั้น ทำให้ต้องให้ความสำคัญในบทกับเหล่าตัวละครเหล่านี้พอสมควร ซึ่งการเกลี่ยที่ไม่ลงตัวก็ทำให้บทไม่มีสมดุลที่ดีพอ
ตัวละครบางตัวแทบจะดูไม่สำคัญกับเรื่องเลยแม้จะปรากฏเท่าๆ กับตัวอื่นก็ตาม ขณะที่บทบางตัวก็ถูกใส่เข้ามาเพราะต้องมีเขาอยู่ จุดที่ดีของบทคือ การค่อยๆ ปล่อยเซอร์ไพรซ์กับคนดูมาเรื่อยๆ ในช่วงครึ่งแรกของหนัง
ทั้งเซอร์ไพรซ์ด้านตัวละครและในด้านเรื่องราวที่พลิกผัน
ตัวที่ดูออกมาโดดเด่นจริงๆ ก็คือ ป็อปปี้ ผู้เป็นตัวร้ายของเรื่องในภาคนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูภายนอกก็ไม่ได้ร้ายสักเท่าไหร่ ดูจะมีความจิตเล็กๆ เมื่อเธอเลือกที่จะเป็นผู้ค้าขายยาเสพติดทุกชนิดที่ผิดกฏหมายและต้องหมกตัวอยู่ในป่า เธอรวยสุดแต่ไม่มีใครรู้จักเธอ และเธอคือตัวการที่ทีมคิงส์แมนที่ต้องผนวกเข้ากับทีมสเตทส์แมนเพื่อต่อกร
แต่ก็ต้องถือว่าบทหนังเป็นจุดอ่อนที่สุดของหนังภาคนี้ เมื่อเรื่องราวมันดำเนินไปอย่างลวกๆ หนทางในการแก้ปัญหาของเหล่าองค์กรสายลับดูไม่มีอะไรยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีความพยายามจะเชื่อมโยงและแฟลชแบ็กกับเหตุการณ์ในภาคแรก
ทำให้หนังค่อนข้างใช้เวลานานและมีความยาวถึง 141 นาที
การกลับมาของ คอลิน เฟิร์ธ ส่งผลต่อบทโดยรวม
ดูเหมือนการมีแฮร์รี่ ฮาร์ท ของ Colin Firth กลับมาจะเป็นสิ่งจำเป็น เพราะตัวละครนี้เป็นลมหายใจหลักรองจากพระเอกไปแล้ว แต่ก็ทำให้บทหนังโดยรวมดูอ่อนยวบไปด้วย ส่วนหนึ่งเพราะทำให้หนังมีหลากหลายประเด็นเกินไป
นอกจากหนังจะเล่าถึงองค์กร Golden Circle ที่ปรากฏตัวขึ้นเพื่อป่วนโลกในภาคนี้แล้ว ก็ยังมีปมของพระเอกสายลับที่ต้องคบอยู่กับเจ้าหญิง ก็ยังมีประเด็นเล็กประเด็นน้อยปรากฏอยู่ด้วย หากการกลับมาของแฮร์รี่ ฮาร์ท ซึ่งปรากฏอยู่ในส่วนใหญ่ของหนัง ทำให้มันเสียสมดุล
ทำให้บทต้องทุ่มเทไปที่เขา
แถมเรื่องของเขาก็ดูจะไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกับความหฤหรรษ์และแอคชั่นระห่ำที่จัดเต็มกันไป ผู้ชมเกือบจะรู้สึกได้แล้วว่าบทหนังกำลังให้ความสำคัญกับอีกคนอยู่
แต่แล้วหนังก็พาเขาออกไปเสียอย่างนั้น
นอกจากนี้ ผกก. ยังเติมตัวละครอย่าง Elton John มาเล่นเป็นตัวเองสร้างสีสันให้กับหนังโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะไม่ได้ช่วยในการเล่าเรื่องสักเท่าใด
แอคชั่นยังคงมีสไตล์ จัดหนักช่วงท้าย แต่ไม่มีอะไรใหม่อีกแล้ว
ในหนังภาคแรกนั้น มันมีความแฟนตาซีที่ดูสร้างสรรค์อย่างกวนตีน มาประกอบกับฉากแอคชั่นที่เข้าขั้นรุนแรงและมีเอกลักษณ์ สร้างความประทับใจได้อย่างยิ่งยวด มาภาคนี้ ดูเหมือนผู้กำกับฯ จะยังคงจัดเต็มซีนแอคชั่นอย่างมันมือเหมือนเคย ออกแบบฉากบู๊ได้อย่างสนุกมือ และก็ทำให้คนดูสนุกไปกับฉากพวกนั้น
ความกวนตีนก็นับว่ายังมีให้เห็นอยู่ แต่พอดูรู้ว่ามันไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าเดิมแล้ว
‘คิงส์แมน รวมพลังโคตรพยัคฆ์’ จัดเต็มฉากแอคชั่นใหญ่เล็กสั้นยาวกระจายเต็มเรื่อง หลายฉากยังคงใช้สไตล์ที่คุ้นเคยมาแต่ภาคแรก จัดภาพที่รุนแรงชนิดยาวๆ หมุนกล้องฉวัดเฉวียน ประกอบด้วยดนตรีประกอบมันๆ โดยเฉพาะในหนังช่วงหลังๆ
แน่นอนว่า แมททิว วอห์น เตรียมสร้างภาคที่สามไว้เรียบร้อยแล้ว และนี่คือภาคที่จัดเตรียมของไว้รอใช้ในภาคถัดไป
ชื่อภาพยนตร์: Kingsman: The Golden Circle / คิงส์แมน รวมพลังโคตรพยัคฆ์
ผู้กำกับภาพยนตร์: Matthew Vaughn
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Jane Goldman, Matthew Vaughn
นักแสดงนำ: Taron Egerton, Colin Firth, Mark Strong, Julianne Moore, Michael Gambon, Sophie Cookson, Edward Holcroft, Channing Tatum, Halle Berry, Elton John, Jeff Bridges, Poppy Delevingne, Hanna Alström
ความยาว: 141 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/น15+, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 21 กันยายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Twentieth Century Fox Film Corporation, Marv Films, Shangri-La Entertainment
คิงส์แมน รวมพลังโคตรพยัคฆ์
Kingsman: The Golden Circle - 8
8
Kingsman: The Golden Circle
รวมพลังสายลับถล่มแดนยัยตัวร้าย Kingsman The Golden Circle สานต่อความสนุกมันและบรรเจิดจากภาคเก่า เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาเพียบ แถมตัวละครเก่ายังกลับมา ทำให้บทหนังไม่ค่อยสมดุล เล่าเรื่องโยงภาคเก่าพอประมาณ ฉากแอคชั่นครีเอตดีแต่ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่อีกแล้ว
1 คอมเมนต์