นาทีนี้ ไม่พูดถึงซีรีส์เกาหลีในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Prime Video อย่าง ‘GOOD BOY’ หรือในชื่อไทย ‘แชมป์ปราบอาชญากร’ เห็นทีจะไม่ได้ซะแล้ว ก็มันเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเหล่าอดีตนักกีฬาเจ้าของเหรียญรางวัล ซึ่งผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต่อสู้ในโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากรนี่นา เอาแค่พล็อตก็น่าสนใจ ชักชวนให้เปิดเข้าไปดูแล้ว แต่วันนี้ จะขอสรุปกันสักหน่อยว่า 5 เหตุผลที่ชวนให้ต้องดูซีรีส์เรื่องนี้นั้น มันมีอะไรบ้าง?
ความน่าสนใจคร่าว ๆ เลย มันก็คือการรวมตัวเหล่าดาราเกาหลีที่คุ้นหน้าคุ้นชื่อในซีรีส์เรื่องเดียวกัน พวกเขาต่างก็เป็นนักกีฬามีชื่อ ที่ต่างมารวมตัวกันเพื่อจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ ถ้าเอ่ยชื่อไป ใครๆ ก็ย่อมต้องรู้จัก ไม่ว่าจะเป็น พัคโบกอม ที่เล่นเป็น ยุนดงจู, คิมโซฮยอน ที่สวมบทบาทเป็น จีฮันนา, อีซังอี ที่เรื่องนี้เขาคือตัวละครที่ชื่อ คิมจองฮยอน, ฮอซองแท ที่เล่นเป็น โกมันซิก และ แทวอนซอก เจ้าของบท ชินแจฮง การรวมตัวของพวกเขานั้นมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ให้ได้
เพราะอะไร คุณถึงต้องไม่พลาดชม ‘GOOD BOY’ แชมป์ปราบอาชญากร
ต้องบอกกันเลยล่ะครับ ว่า ตอนนี้ ความสนุกของมันกำลังเข้มข้นเรื่อยๆ สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ รอขอยก 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้มาให้อ่านประกอบการตัดสินใจกันนะครับ
1. นักแสดงและทีมงานสุดปัง
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นแหละครับ ว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นการรวมตัวของทีมนักแสดงสุดปังและทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือมากมายหลายคนด้วยกัน ไล่กันไปตั้งแต่ผู้กำกับจนไปถึงนักแสดง แต่ละคนล้วนมีผลงานที่การันตีถึงคุณภาพมาแล้วทั้งนั้น
เริ่มที่ ผู้กำกับชิมนายอน เคยคว้ารางวัล Best Drama จากเวทีประกาศรางวัล Baeksang Arts Awards ปี 2021 จากซีรีส์ ‘Beyond Evil ปมปีศาจ’ และยังฝากผลงานฮิตไว้อย่าง ‘The Good Bad Mother แม่ดี แม่ร้าย’ ส่วน อีแดอิล ผู้เขียนบท ก็เป็นที่รู้จักจากซีรีส์ดังอย่าง ‘Life on Mars’ และ ‘Bring It On, Ghost’
ด้านนักแสดงนำ ก็มีทั้งระดับแม่เหล็กอย่าง พัคโบกอม ที่เพิ่งฝากความประทับใจกับบทนำในเรื่อง ‘When Life Gives You Tangerines ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน’ ซึ่งต้องบอกว่าปังสุดๆ ไปเลย ในเรื่องนี้ โบกอมได้ประกบคู่กับ คิมโซฮยอน จากซีรีส์ ‘Love Alarm’ ทั้งสองซีซัน ได้ยินมาว่าแฟนๆ รอคอยมานานกว่า 10 ปีเลยทีเดียว คนต่อมาคือ โอจองเซ นักแสดงที่ได้รับการยอมรับในฝีมือและรับงานในคาแรกเตอร์ที่หลากหลาย เคยฝากผลงานความประทับใจไว้ในซีรีส์อย่าง ‘Revenant’ และ ‘Mr. Plankton’ สำหรับ อีซังอี นั้น หลายคนรู้จักจากซีรีส์อย่าง ‘No Gain No Love รักนี้ไม่มีขาดทุน’, ‘Spice Up Our Love’ และ ‘Bloodhounds’ ด้าน ฮอซองแท เป็นที่รู้จักในระดับโลกจากบทบาทในซีซั่นแรกจากเรื่อง ‘Squid Game สควิดเกม เล่นลุ้นตาย’ และ แทวอนซอก ก็ได้ฝากผลงานการแสดงมาอย่างต่อเนื่องผ่านซีรีส์อย่าง ‘Player’ และ ‘Private Lives’ เช่นกัน
2. จัดเต็มทั้งแอ็กชั่นและคอมเมดี้
เตรียมพบกับฉากแอ็กชั่นเข้มข้นและคอเมดี้สุดฮาแบบจัดเต็มในซีรีส์เรื่องนี้ นักแสดงแต่ละคนผ่านการฝึกซ้อมเป็นเวลาตั้งแต่ 3 – 8 เดือน เพื่อรับบทเป็นอดีตนักกีฬาที่กลายมาเป็นตำรวจ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและการเตรียมตัวอย่างจริงจัง พัคโบกอม กล่าวว่า “ผมอยากถ่ายทอดตัวละครออกมาให้ดีที่สุด ทุกคนจะมาก่อนเวลาและฝึกซ้อมทุกวัน”
ผู้กำกับชิมนายอน ก็ได้แสดงถึงความพยายามอย่างหนักที่ทีมงานใส่ลงไปในฉากแอ็กชั่น รวมถึงการฝึกฝนอย่างหนัก เธอยังเล่าถึงการใส่มุกตลกลงไปในฉากแอ็กชั่นว่า “ฉันคิดว่ากีฬาต่างๆ อย่างมวยปล้ำหรือขว้างจักรสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้ เราจึงปรับเปลี่ยนบางอย่างและเลือกที่จะใส่แง่มุมตลกลงไปด้วย” ด้าน แทวอนซอก ก็ได้แอบแง้มฉากหนึ่งที่เขาขว้างทิชชู่เปียก พร้อมเล่าว่า “ฉากนั้นตลกมากและออกแนวแฟนตาซีนิดๆ หวังว่าทุกคนจะรอติดตามกันนะครับ” การผสมผสานระหว่างแอ็กชั่นและคอเมดี้อย่างลงตัวนี้ จะทำให้ผู้ชมสนุกไปกับทุกตอนอย่างแน่นอน
3. ดูง่าย สนุกได้ทุกคน
ซีรีส์แนวสืบสวนมักจะเป็นเรื่องราวที่จริงจังและเข้มข้น แต่สำหรับเรื่องนี้ จะผสมผสานความจริงจังของการสืบสวนเข้ากับแอ็กชั่น-คอมเมดี้ และความอบอุ่นอย่างลงตัว ผู้กำกับชิมนายอน อธิบายว่า “โทนของซีรีส์นี้เข้าถึงง่าย มีทั้งความตลกและดราม่า เป็นซีรีส์ที่ดูสบายๆ เราตั้งใจทำให้คนดูสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสนุกไปกับมัน หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะกลายเป็นความสนุกเล็กๆ ในวันหยุดของทุกคน”
ด้าน คิมโซฮยอน ก็เห็นด้วยกับความรู้สึกนี้ พร้อมกล่าวว่า “พวกเราถ่ายทำกันในช่วงหน้าร้อน ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้จะช่วยเติมความสดชื่นให้กับหน้าร้อนของผู้ชม หวังว่าทุกคนจะได้คลายเครียดระหว่างดูซีรีส์ของเราค่ะ” เช่นเดียวกับ อีซังอี ที่กล่าวว่า “หลังเลิกงานและก่อนนอน ผมมักจะหาซีรีส์ดูสักเรื่อง ถ้าดู ‘แชมป์ปราบอาชญากร’ ก่อนนอนในช่วงสุดสัปดาห์ ก็จะเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ได้กินของอร่อยตอนดึกพร้อมดูซีรีส์สนุกๆ”
4. ความยุติธรรมที่ทำถึง
หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้คือ “ความยุติธรรม” ที่สะท้อนออกมาในเรื่อง เมื่อได้เห็นกลุ่มตัวเอกผู้ถูกมองข้ามลุกขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าร้ายเพื่อทวงคืนความยุติธรรม ผู้ชมจะได้รับความรู้สึกที่ทั้งอิ่มเอมและรู้สึกปลดปล่อย
ผู้กำกับชิมนายอน เล่าว่า แก่นของเรื่องนี้อยู่ที่อดีตนักกีฬาที่กลายมาเป็นตำรวจและต่อสู้เพื่อความยุติธรรม พัคโบกอม กล่าวว่า “ผมรู้สึกประทับใจกับตัวละครที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ตัวละครทั้ง 5 คนต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นและแสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมยังคงมีอยู่ หวังว่าพวกเราจะสามารถเป็นแรงสนับสนุนเล็กๆ ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐและทุกคนที่กำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในโลกแห่งความจริงได้”
ด้าน โอจองเซ ซึ่งรับบทตัวร้ายของเรื่อง ได้เล่าว่า “เสน่ห์ของความเป็น ‘GOOD BOY‘ มันตราตรึงมาก ตัวละครบางตัวมีเรื่องราวที่น่าเศร้า จนทำให้คุณอยากเอาใจช่วยพวกเขา”
5. มากกว่าแอ็คชั่น-คอมเมดี้ แต่ยังได้แง่คิดและแรงบันดาลใจ
‘แชมป์ปราบอาชญากร’ เป็นซีรีส์ที่มีเรื่องราวหลายแง่มุม ไม่เพียงแค่มีแอ็กชั่นและคอเมดี้ แต่ยังมีสิ่งที่จะสื่อให้ผู้ชมได้ฉุกคิดและได้รับแรงบันดาลใจ โอจองเซ กล่าวว่า “ซีรีส์เรื่องนี้ทั้งสนุกและดูง่าย แต่ผู้กำกับก็ใส่หลายอย่างไว้ให้คนดูได้คิดและไตร่ตรอง” ด้าน ฮอซองแท เล่าว่า “ผมรู้สึกแปลกใจที่ตัวเองมีน้ำตาคลอขณะอ่านบทฉากแอ็กชั่น”
ด้าน พัคโบกอม เผย “การเริ่มต้นความท้าทายใหม่ๆ อาจกลายเป็นแรงผลักดันในชีวิตของใครบางคน ผมเองก็มีการเริ่มต้นใหม่ผ่านซีรีส์เรื่องนี้ หากคุณกำลังเจอกับความยากลำบากในการเริ่มต้นใหม่ หวังว่า ‘GOOD BOY’ จะเป็นพื้นที่ที่ปลอบใจคุณได้ และผมคิดว่ามันจะเป็นซีรีส์ที่มอบแนวทางที่ดีแก่ผู้ชม”
บอกได้เลยว่า ห้ามพลาดกับซีรีส์สุดมันที่อัดแน่นไปด้วยคอมเมดี้ แอ็กชั่น สืบสวน และความโรแมนติก โดยสามารถรับชม ‘GOOD BOY’ ได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ บน Prime Video เท่านั้น